Title :: MOONLIGHT
Author :: AliceJay
Category :: AU
Pairing :: Mark/Jinyoung
MOONLIGHT .
มาร์คผลักจินยองลงบนเตียงก่อนจะตามมาประกบจูบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ขาดตอน
ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและรุนแรงจนคนใต้อาณัติแทบจะหลอมละลาย
ประหนึ่งตัวเองเป็นขี้ผึ้งยามโดนไฟลน
ไม่มีบทสนทนาอื่นนอกเสียจากเสียงครางอย่างสุขสมและผิวเนื้อยามสัมผัสกัน
จินยองจิกมือของตัวเองลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกัน
เมื่อสิบห้านาทีก่อนจนเลือดซิบ
ความเสียวแล่นไปตามไขกระดูกสันหลังทุกครั้งที่มาร์คขยับตัว
ผิวหน้าร้อนเห่อราวกับจะลุกเป็นไฟยามที่ริมฝีปากอิ่มลากผ่านก่อนจะหยุดหยอก
ล้อกับใบหูที่เป็นจุดไวสัมผัสของร่างกาย
มาร์ครู้จักทุกอณูในร่างกายของจินยองเป็นอย่างดีราวกับว่าเคยร่วมรักกันมานับ
ครั้งไม่ถ้วน ทั้งๆ ที่นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอหน้ากันด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพลย์บอยผู้ช่ำชองก็อาจจะเป็นปีศาจสักตัวที่สามารถอ่านใจได้ว่าตอน
นี้เขากำลังคิดหรือรู้สึกอะไร
หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงแรก จินยองตัดสินใจให้มาร์คเป็นปีศาจ
เขาไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน
ย้อนไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่แล้วจินยองกำลังเดินกลับหอเพียงลำพัง แล้วจู่ๆ
ผู้ชายคนนี้ก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้า
ใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนเขานึกกลัว
แต่ทั้งๆ ที่ใจสั่งให้เขาเดินเลี่ยงออกไป
แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมขยับไปไหน
ราวกับร่างกายของเขาถูกตรึงไว้โดยสายตาคมสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นเรียบร้อยแล้ว
“ต้องการอะไร”
“สวัสดี
ปาร์คจินยอง จำฉันไม่ได้ล่ะสิ”
ผู้ชายคนนั้นพูดพลางขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
ผมสีควันบุหรี่ของเขาโดดเด่นตัดกับท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว
อับกูจองไม่เคยร้างคนแม้ในยามราตรี
แต่ตอนนี้กลับไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นใดโผล่มาเข้ามาให้เห็นในรัศมี
ร้อยเมตรนี้เลย “เรียกฉันว่ามาร์คแล้วกัน”
จินยองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูดให้เข้าใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาพยายามประคองสติ พยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านี่มันแปลกนะ
แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว
ไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนยามที่อีกฝ่ายก้มลงมากระซิบ ‘ขออนุญาต’
ที่ข้างหูด้วยซ้ำ
จินยองไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่มาร์คบอกหมายความว่าอย่างไร
แต่เขาก็ยังยอมให้อีกฝ่ายจับจูงมาจนถึงห้องพักใกล้ๆ
แล้วเกมรักก็เริ่มต้นขึ้น
ทันทีที่ประตูปิด มาร์คก็ผลักเขาติดกำแพง
แววตาของมาร์ควูบไหวยามที่มองมายังเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่จินยองสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ายังมีความรู้สึกอยู่
ร่างโปร่งขยับเข้ามาใกล้แล้วเอาหน้าผากของตนแนบกับหน้าผากของเขา
จินยองใจเต้นไม่เป็นส่ำกับความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นในฉับพลัน
ไอร้อนจากลมหายใจปะทะเข้ากับใบหน้าหวานจนเขารู้สึกขัดเขิน
“ฉันรอมาร้อยปีเพื่อจะได้พบนายอีกครั้ง” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา
นัยน์ตาคู่สวยปิดลงเหมือนกำลังจ่อมจมไปกับความทรงจำของตัวเองก่อนจะลืมตา
ขึ้นมาอีกครั้ง ความเยียบเย็นที่เขาเห็นในตอนแรกหายไปแล้ว
ตอนนี้จินยองเห็นแต่ความปรารถนาลุกโชนในจักษุคู่นั้น
“อยู่กับฉันจนกว่าแสงจันทร์จะหายไป”
จินยองไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนัก
เพราะทันทีที่มาร์คพูดจบ ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองทันที
ข้อมือบางทั้งสองข้างถูกตรึงติดกำแพง
ความหวาบหวามกำลังเล่นงานเสียจนเขาเข่าอ่อน
มาร์คยอมปล่อยมือขวาของเขาให้เป็นอิสระเพื่อมาโอบเอวบางเอาไว้ไม่ให้ทรุดไป
เสียก่อน พร้อมๆ
กับเปิดโอกาสให้จินยองได้กำเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นที่ยึดเกาะอีกแรง
มาร์คจูบเก่งมาก
มากชนิดที่ทำให้จินยองอยากจะบ้าตายอยู่ตรงนั้น
เรียวลิ้นของมาร์คสอดเข้ามาในโพรงปากของเขา
ก่อนจะทำหน้าที่เหมือนยานอวกาศที่ลงสำรวจพื้นผิวของดวงจันทร์
มันลัดเลาะไปทั่วแนวฟันทั้งบนและล่าง เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเขา ดูดดึง
เกี่ยวพัน ชักจูง ฟันคมขบเม้มที่ริมฝีปากอิ่มจนได้รสเลือดจางๆ
เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายฟังดูหยาบโลน แต่วินาทีนี้ใครจะสน
มาร์คถอนจูบออกโดยมีน้ำลายที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครยังเชื่อมริมฝีปาก
ของพวกเขาอยู่
ปล่อยให้จินยองหายใจได้ไม่เกินห้าวินาทีแล้วก็ก้มลงมาประกบใหม่
เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ เกือบสิบห้านาที
จินยองขอเรียกมันว่าจูบสูบวิญญาณ
แม้ตอนแรกจะยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมเดินตามผู้ชายแปลกหน้าคนนี้มา
แต่ตอนนี้เขากลับมีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างเต็มที่ จินยองไม่ใช่พวกฟรีเซ็กส์
อันนี้จริงแจ็คสันเคยกระแหนะกระแหนเขาบ่อยครั้งด้วยซ้ำว่าเป็นพวกเลือกมาก
ยิ่งกับผู้ชายเขายิ่งไม่เคยเลย
ดังนั้นเขาถึงได้สนเท่ตัวเองมากว่าอะไรดลให้เขามายืนจูบกับชายแปลกหน้าอยู่ตรงนี้
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววิ แล้วจินยองก็ดั่งตกอยู่ในมนตร์สะกด
เขารู้ตัวทุกอย่างนะว่ากำลังทำอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพียงแต่เขาบังคับตัวเองไม่ได้เลย
ราวกับว่าจิตใจของเขากำลังภักดีต่อเจ้านายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง
“นายห้ามตัวเองไม่ได้หรอก ไม่มีวัน” มาร์คพูดขึ้นขณะปลดอาภรณ์ของเขาออกไป
อากาศในฤดูหนาวเย็นจัดจนทำให้ขนอ่อนลุกซู่ทั้งร่างกาย
จินยองชะงักมือที่กำลังช่วยถอดกระดุมเสื้อของมาร์คทันที
ดวงตาฉ่ำหวานเงยสบกับลูกแก้วสีน้ำผึ้งด้วยความสงสัย
“รู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่”
“ไม่เคยมีใครบอกเหรอว่าคนอย่างนายน่ะอ่านง่ายยิ่งกว่าอะไรดี”
มาร์คยกยิ้มมุมปาก จบประโยคนี้สกินนี่สีซีดของจินยองก็ลงไปกองที่พื้นพอดี
มาร์ควางมือที่สะโพกผายก่อนจะเคล้นคลึงไปมาอย่างหลงใหล
“ไม่จริง” เขาปฏิเสธ เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทไร้ลวดลายของมาร์คหลุดติดมือออกมาเหมือนกัน
“รู้ไว้อย่างเดียวก็พอว่านายเป็นของฉัน ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหน นายหนีมันไม่พ้นหรอก มันเป็นโชคชะตา”
ทั้งคู่จ้องตากันอย่างเงียบงัน อยู่ๆ ในหัวใจของจินยองก็อุ่นวาบขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นนักสะกดจิตที่เก่งที่สุดเท่าที่จินยองเคยพาลพบ
เขาทำให้จินยองเชื่อหมดใจในเรื่องที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยฟังมาในชีวิต
มือบางเอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าที่มีไรหนวดจางๆ
ด้วยความรู้สึกที่ต่างจากนาทีที่แล้วโดยสิ้นเชิง
เขาประทับรอยจูบลงบนคางของมาร์ค
มองข้ามว่าชายหนุ่มเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามา
“กอดฉันที” จินยองว่า ดวงตาทอประกายยินยอม “จนกว่าจะสิ้นแสงจันทร์”
มาร์คทวนคำเสียงแผ่ว “จนกว่าจะสิ้นแสงจันทร์”
:::::::::: MOONLIGHT ::::::::::
จินยองเริ่ดหน้าขึ้นเมื่อริมฝีปากของมาร์คลากผ่านลำคอที่ยังกระดูกไหปลาร้า มือเรียวจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไปหมดเมื่อมาร์คฝากรอยประทับเอาไว้ เขาครางแผ่วออกมาอย่างรู้สึกดี หัวสมองขาวโพลนไม่รับรู้สิ่งอื่นใดนอกเสียจากสัมผัสจากคนตรงหน้า
สียอดอกของจินยองตัดกับผิวขาวประหนึ่งแสงจันทร์ เขาถดกายหนีความหวาบหวามระลอกใหม่ที่ตีรวนขึ้นมาในช่องท้องเมื่อได้สัมผัสอุณหภูมิของลิ้นที่สูงกว่าอุณหภูมิที่ผิวหนัง ขนอ่อนของจินยองลุกซู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศหรือความซาบซ่านที่กำลังเล่นงานตัวเองอยู่ จินยองพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ ทว่าร่างของมาร์คที่ทาบทับอยู่เหนือตัวทำให้หนีไปไหนไม่ได้ไกลนัก จินยองไม่เคยเป็นผู้โดนกระทำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัมผัสเพียงเล็กน้อยกับจุดไวสัมผัสจะสร้างความรู้สึกที่แปลกประหลาดได้มากขนาดนี้
“แล้วนายจะชอบ” เป็นอีกครั้งที่มาร์คเหมือนอ่านใจเขาได้ จินยองผ่อนมือที่เกร็งไว้แล้วรั้งมาร์คมาจุมพิต ปล่อยให้มือข้างที่ว่างของอีกฝ่ายปรนเปรอความสุขให้ตัวเองแทน มาร์คละจากกลีบปากที่บวมเจ่อของจินยองมายังดอกกุหลาบสีสวยอีกครั้ง ริมฝีปากของมาร์คเหมือนหมู่ภมรที่เข้ามาค้นหาน้ำหวานจากดอกไม้งาม ครอบครอง ฟอนเฟ้น และดูดดื่ม ทิ้งไว้เพียงรสสัมผัสที่รัญจวนใจเกินต้านทาน
ในขณะที่เอวบางกำลังบิดเร้ากับสัมผัสแปลกใหม่ มือของมาร์คก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆ อุณหภูมิของเกมรักสูงขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อจินยองโดนปลุกเร้าพร้อมๆ กันทั้งด้านบนและด้านล่าง มาร์คเอ่ยชมว่าเสียงของเขาไพเราะจับใจแม้จะฟังไม่เป็นภาษา
“ดังอีกนิดได้ไหม เดี๋ยวให้รางวัล”
จินยองไม่มีสติใดๆ ที่จะตอบรับคำอ้อนวอนดังกล่าว อันที่จริงเขาไม่สามารถเรียบเรียงประโยคใดๆ ในหัวได้เลย เพราะแม้แต่จะหายใจก็ยังทำไม่ทันจนต้องหายใจทางช่องปากอีกทาง อุณหภูมิอุ่นร้อนของฝ่ามือตัดกับไอเย็นจากแหวนเงินที่มาร์คสวมติดนิ้ว ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบทุกครั้งที่โดนเข้ากับจุดไวสัมผัสของร่างกาย ริมฝีปากของมาร์คเลื่อนลงมาสาละวนอยู่แถวต้นขาด้านใน ฝากรอยแดงเอาไว้ต่างธงที่ปักแสดงเขตแดน ก่อนจะเข้าครอบครองตัวตนของจินยองเอาไว้ มือบางจิกผ้าปูที่นอนจนแทบขาด เสียงหวานครวญครางแทบขาดใจทุกครั้งที่มาร์คใช้ลิ้นเล่นสนุกกับร่างกายของตัวเอง
เซ็กซ์กับปีศาจ
ทรมานทว่าสุขสม
มาร์คเร้าอารมณ์ของจินยองให้พุ่งขึ้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนกระทั่งจินยองปลดปล่อยทุกอย่างออกมา เขามองเห็นแสงจันทร์รำไรที่ลอดเข้ามาในห้อง เพิ่งระลึกได้ว่าได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหลังจากมาร์คพาเขาขึ้นไปแตะขอบสวรรค์เมื่อครู่
“พร้อมนะ”
จินยองปรือตามองอีกฝ่าย เขาเคยรู้แต่ทฤษฎีว่าผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกันอย่างไร ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้มาอยู่ในห้องปฏิบัติด้วยตัวเอง
“อ๊ะ”
ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ไม่คุ้นเคย นิ้วมือของมาร์คกำลังทำหน้าที่ที่ปกติมันไม่ได้ทำ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนความอึดอัดในคราแรกเปลี่ยนเป็นความวาบหวาม ร่างที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ หัวใจของจินยองเต้นระรัวเยี่ยงเสียงกลองของเหล่านักรบ มาร์คพยายามทำให้จินยองผ่อนคลายมากที่สุดด้วยการจุมพิตที่ต้นขาของเขาอีกครั้ง
สัมผัสของมาร์คร้อนแรงดั่งเปลวไฟ แต่ก็นุ่มนวลดุจแสงจันทร์
มาร์คจับจินยองพลิกคว่ำเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว ชายหนุ่มจูบเขาที่หลังคอ สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ขบเม้มที่ติ่งหู แล้วไล่พรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆ ตลอดแนวกระดูกสันหลัง จินยองรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
มาร์คทำให้จินยองต้องการชายหนุ่มจนแทบบ้า
“พี่ขอนะ”
“อือออ” จินยองเผลอครางยาวเมื่อมาร์คเข้ามาลึกกว่าที่คิด ร่างเพรียวอ้าปากหายใจหอบ น้ำตาเม็ดใสซึมที่หางตา เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“อย่าเกร็งนะคนดี” มาร์คโน้มตัวมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างแก้ม แล้วฝังรอยจูบเอาไว้ที่ลาดไหล่บาง พร้อมๆ กับนวดเฟ้นร่างกายของเขาไปทุกส่วนจนจินยองมั่นใจว่าไม่มีตรงไหนที่มาร์คยังไม่ได้สัมผัส ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวอีกครั้งจนเขาได้แต่ครางอื้ออึงรับสัมผัสที่ดำเนินไปอย่างเนิบนาบก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ม่านเมฆเคลื่อนที่มาบังเงาจันทร์เอาไว้จนมืดสนิท เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตะวันก็จะกลับมาเยือนอีกครั้ง
เวลาของพวกเขาน้อยลงทุกวินาที
มาร์คถอนตัวออกมาแล้วจับจินยองขึ้นมาคร่อมบนตักตัวเอง จินยองรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที เขาค่อยๆ ทิ้งสะโพกลงบนส่วนแข็งขืนของปีศาจรูปหล่อ
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมไปทั่วไรผม อัตราการเต้นของหัวใจถี่สูงเกินไปเนื่องจากการออกแรงขยับร่างกายและความตื่นเต้นในการเปลี่ยนมาเป็นผู้คุมเกม มาร์คทำให้จินยองแทบจะตัวระเบิดด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นจนเกินไปอีกครั้งจากการมอบสัมผัสให้พร้อมๆ กันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
มันสุขสม
มันหวาบหวาม
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบโหวงในหัวใจ
เหมือนกับว่าเมื่อใดก็ตามที่การเดินทางสิ้นสุด เขากับมาร์คก็จะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าอีกครั้ง
“เรียกชื่อฉัน ได้โปรด” มาร์คร้องขอ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็หลุดเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษาเหมือนกับเขา
“..ม..มาร์ค มาร์ค” จู่ๆ จินยองก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้า ภาพที่เขากับมาร์คกำลังร่วมรักกันฉายซ้อนขึ้นมาในสมองเหมือนจะอธิบายว่าทำไมมาร์คถึงได้รู้จักร่างกายของเขาเป็นอย่างดี
สติของเขากำลังจะหลุด
“อี้ อ๊ะ อ..อ.. อาเอิน” จินยองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกมา แต่คำพูดของเขาทำให้มาร์คหยุดการกระทำของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งเสียงหวานประท้วงขึ้นมามาร์คจึงได้จับจินยองนอนราบกับเตียงอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาเป็นฝ่ายปรนเปรอร่างเพรียวด้วยตัวเอง
สัมผัสของมาร์คแรงขึ้นและลึกซึ้งขึ้น ทั้งสองจูบกันอีกครั้งและอีกครั้ง สองเสียงครวญครางผสานกันจนแยกไม่ออก จนในที่สุดการเดินทางอันแสนยาวนานก็จบสิ้นลงจริงๆ เสียที
จินยองหายใจหอบอยู่ข้างๆ มาร์คที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอนข้างกัน กล้ามเนื้อของเขายังกระตุกอยู่หน่อยๆ แต่ตัวกลับเบาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือบางของมาร์คเอื้อมมากุมมือเขาไว้หลวมๆ จินยองหันหน้าไปมองด้านขวามือของตัวเองก็พบชายหนุ่มที่นอนมองเขาอยู่ก่อน แล้ว นัยน์ตาของมาร์คอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด และรอยยิ้มที่ส่งมาก็อบอุ่นจนเกินบรรยาย
สียอดอกของจินยองตัดกับผิวขาวประหนึ่งแสงจันทร์ เขาถดกายหนีความหวาบหวามระลอกใหม่ที่ตีรวนขึ้นมาในช่องท้องเมื่อได้สัมผัสอุณหภูมิของลิ้นที่สูงกว่าอุณหภูมิที่ผิวหนัง ขนอ่อนของจินยองลุกซู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศหรือความซาบซ่านที่กำลังเล่นงานตัวเองอยู่ จินยองพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ ทว่าร่างของมาร์คที่ทาบทับอยู่เหนือตัวทำให้หนีไปไหนไม่ได้ไกลนัก จินยองไม่เคยเป็นผู้โดนกระทำ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัมผัสเพียงเล็กน้อยกับจุดไวสัมผัสจะสร้างความรู้สึกที่แปลกประหลาดได้มากขนาดนี้
“แล้วนายจะชอบ” เป็นอีกครั้งที่มาร์คเหมือนอ่านใจเขาได้ จินยองผ่อนมือที่เกร็งไว้แล้วรั้งมาร์คมาจุมพิต ปล่อยให้มือข้างที่ว่างของอีกฝ่ายปรนเปรอความสุขให้ตัวเองแทน มาร์คละจากกลีบปากที่บวมเจ่อของจินยองมายังดอกกุหลาบสีสวยอีกครั้ง ริมฝีปากของมาร์คเหมือนหมู่ภมรที่เข้ามาค้นหาน้ำหวานจากดอกไม้งาม ครอบครอง ฟอนเฟ้น และดูดดื่ม ทิ้งไว้เพียงรสสัมผัสที่รัญจวนใจเกินต้านทาน
ในขณะที่เอวบางกำลังบิดเร้ากับสัมผัสแปลกใหม่ มือของมาร์คก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆ อุณหภูมิของเกมรักสูงขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อจินยองโดนปลุกเร้าพร้อมๆ กันทั้งด้านบนและด้านล่าง มาร์คเอ่ยชมว่าเสียงของเขาไพเราะจับใจแม้จะฟังไม่เป็นภาษา
“ดังอีกนิดได้ไหม เดี๋ยวให้รางวัล”
จินยองไม่มีสติใดๆ ที่จะตอบรับคำอ้อนวอนดังกล่าว อันที่จริงเขาไม่สามารถเรียบเรียงประโยคใดๆ ในหัวได้เลย เพราะแม้แต่จะหายใจก็ยังทำไม่ทันจนต้องหายใจทางช่องปากอีกทาง อุณหภูมิอุ่นร้อนของฝ่ามือตัดกับไอเย็นจากแหวนเงินที่มาร์คสวมติดนิ้ว ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบทุกครั้งที่โดนเข้ากับจุดไวสัมผัสของร่างกาย ริมฝีปากของมาร์คเลื่อนลงมาสาละวนอยู่แถวต้นขาด้านใน ฝากรอยแดงเอาไว้ต่างธงที่ปักแสดงเขตแดน ก่อนจะเข้าครอบครองตัวตนของจินยองเอาไว้ มือบางจิกผ้าปูที่นอนจนแทบขาด เสียงหวานครวญครางแทบขาดใจทุกครั้งที่มาร์คใช้ลิ้นเล่นสนุกกับร่างกายของตัวเอง
เซ็กซ์กับปีศาจ
ทรมานทว่าสุขสม
มาร์คเร้าอารมณ์ของจินยองให้พุ่งขึ้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนกระทั่งจินยองปลดปล่อยทุกอย่างออกมา เขามองเห็นแสงจันทร์รำไรที่ลอดเข้ามาในห้อง เพิ่งระลึกได้ว่าได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหลังจากมาร์คพาเขาขึ้นไปแตะขอบสวรรค์เมื่อครู่
“พร้อมนะ”
จินยองปรือตามองอีกฝ่าย เขาเคยรู้แต่ทฤษฎีว่าผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกันอย่างไร ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้มาอยู่ในห้องปฏิบัติด้วยตัวเอง
“อ๊ะ”
ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ไม่คุ้นเคย นิ้วมือของมาร์คกำลังทำหน้าที่ที่ปกติมันไม่ได้ทำ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนความอึดอัดในคราแรกเปลี่ยนเป็นความวาบหวาม ร่างที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ หัวใจของจินยองเต้นระรัวเยี่ยงเสียงกลองของเหล่านักรบ มาร์คพยายามทำให้จินยองผ่อนคลายมากที่สุดด้วยการจุมพิตที่ต้นขาของเขาอีกครั้ง
สัมผัสของมาร์คร้อนแรงดั่งเปลวไฟ แต่ก็นุ่มนวลดุจแสงจันทร์
มาร์คจับจินยองพลิกคว่ำเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว ชายหนุ่มจูบเขาที่หลังคอ สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ขบเม้มที่ติ่งหู แล้วไล่พรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆ ตลอดแนวกระดูกสันหลัง จินยองรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
มาร์คทำให้จินยองต้องการชายหนุ่มจนแทบบ้า
“พี่ขอนะ”
“อือออ” จินยองเผลอครางยาวเมื่อมาร์คเข้ามาลึกกว่าที่คิด ร่างเพรียวอ้าปากหายใจหอบ น้ำตาเม็ดใสซึมที่หางตา เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“อย่าเกร็งนะคนดี” มาร์คโน้มตัวมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างแก้ม แล้วฝังรอยจูบเอาไว้ที่ลาดไหล่บาง พร้อมๆ กับนวดเฟ้นร่างกายของเขาไปทุกส่วนจนจินยองมั่นใจว่าไม่มีตรงไหนที่มาร์คยังไม่ได้สัมผัส ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวอีกครั้งจนเขาได้แต่ครางอื้ออึงรับสัมผัสที่ดำเนินไปอย่างเนิบนาบก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ม่านเมฆเคลื่อนที่มาบังเงาจันทร์เอาไว้จนมืดสนิท เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตะวันก็จะกลับมาเยือนอีกครั้ง
เวลาของพวกเขาน้อยลงทุกวินาที
มาร์คถอนตัวออกมาแล้วจับจินยองขึ้นมาคร่อมบนตักตัวเอง จินยองรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที เขาค่อยๆ ทิ้งสะโพกลงบนส่วนแข็งขืนของปีศาจรูปหล่อ
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมไปทั่วไรผม อัตราการเต้นของหัวใจถี่สูงเกินไปเนื่องจากการออกแรงขยับร่างกายและความตื่นเต้นในการเปลี่ยนมาเป็นผู้คุมเกม มาร์คทำให้จินยองแทบจะตัวระเบิดด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นจนเกินไปอีกครั้งจากการมอบสัมผัสให้พร้อมๆ กันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
มันสุขสม
มันหวาบหวาม
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบโหวงในหัวใจ
เหมือนกับว่าเมื่อใดก็ตามที่การเดินทางสิ้นสุด เขากับมาร์คก็จะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าอีกครั้ง
“เรียกชื่อฉัน ได้โปรด” มาร์คร้องขอ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็หลุดเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษาเหมือนกับเขา
“..ม..มาร์ค มาร์ค” จู่ๆ จินยองก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้า ภาพที่เขากับมาร์คกำลังร่วมรักกันฉายซ้อนขึ้นมาในสมองเหมือนจะอธิบายว่าทำไมมาร์คถึงได้รู้จักร่างกายของเขาเป็นอย่างดี
สติของเขากำลังจะหลุด
“อี้ อ๊ะ อ..อ.. อาเอิน” จินยองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกมา แต่คำพูดของเขาทำให้มาร์คหยุดการกระทำของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง จนกระทั่งเสียงหวานประท้วงขึ้นมามาร์คจึงได้จับจินยองนอนราบกับเตียงอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาเป็นฝ่ายปรนเปรอร่างเพรียวด้วยตัวเอง
สัมผัสของมาร์คแรงขึ้นและลึกซึ้งขึ้น ทั้งสองจูบกันอีกครั้งและอีกครั้ง สองเสียงครวญครางผสานกันจนแยกไม่ออก จนในที่สุดการเดินทางอันแสนยาวนานก็จบสิ้นลงจริงๆ เสียที
จินยองหายใจหอบอยู่ข้างๆ มาร์คที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอนข้างกัน กล้ามเนื้อของเขายังกระตุกอยู่หน่อยๆ แต่ตัวกลับเบาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือบางของมาร์คเอื้อมมากุมมือเขาไว้หลวมๆ จินยองหันหน้าไปมองด้านขวามือของตัวเองก็พบชายหนุ่มที่นอนมองเขาอยู่ก่อน แล้ว นัยน์ตาของมาร์คอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด และรอยยิ้มที่ส่งมาก็อบอุ่นจนเกินบรรยาย
จินยองรู้สึกว่าเขากำลังตกหลุมรักผู้ชายแปลกหน้าเข้าให้แล้ว
“นายจำอี้เอินได้มั้ย” อยู่ๆ มาร์คก็ถามขึ้นมา
จินยองขมวดคิ้ว “ใคร?”
มาร์คระบายยิ้มเศร้า ไม่แปลกใจที่จินยองจะจำไม่ได้ ที่เผลอเรียกชื่อจริงของเขามาเมื่อกี้ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น
จะจำได้ยังไงในเมื่อถูกสั่งให้ลืมไปหมดสิ้นแล้ว
“เราหนีไม่พ้นแล้วจินยอง กลับไปซะ เทพกับปีศาจยังไงก็รักกันไม่ได้ ฉันไม่อยากให้จินยองต้องมาตายเพราะฉัน”
“ไม่อาเอิน ได้โปรดอย่าทำแบบนี้ อย่าผลักให้ฉันกลับไปใช้ชีวิตโดยไม่มีนาย”
“ฉันรักจินยองนะ ได้โปรดจำไว้ว่า ไม่ว่าจะชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน ฉันก็จะตามรักนายไปทุกชาติ”
แล้วจินยองก็ตายต่อหน้าต่อตาเขา
ตายด้วยน้ำมือของคนที่ร่างเล็กเรียกว่า ‘พี่ชาย’ ส่วนเขาก็บาดเจ็บสาหัส
อันที่จริงอี้เอินรู้ดีว่าไม่มีวันที่เขากับจินยองจะหนีไปได้ไกลกว่านี้
เพราะต่อให้ไปสุดขอบฟ้า ท่านมหาเทพก็สามารถตามหาพวกเขาได้อยู่ดี
ลูกชายคนเล็กของเทพแห่งดวงจันทร์กับลูกชายคนโตของปีศาจแห่งไฟ เรื่องของพวกเขามันผิดตั้งแต่ชาติกำเนิดแล้ว
จิน
ยองถูกลงโทษโดยการให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ห้าร้อยปี
ส่วนอี้เอินได้รับการช่วยชีวิตจากเทวีแห่งจันทรา แม่แท้ๆ ของคนรักของเขา
เธอรักจินยองมาก และรู้ดีว่าลูกชายตัวเองก็รักปีศาจตนนี้มากเหมือนกัน
จากโทษตาย
อี้เอินจึงถูกลดโทษเหลือเพียงโดนกักบริเวณบนดวงจันทร์ห้าร้อยปีฐานที่แหกกฎ
ภพภูมิผู้วิเศษ ทุกวันอี้เอินได้แต่เฝ้ามองจินยองอยู่บนท้องฟ้า
เขาต้องทนเห็นจินยองเกิด-แก่-เจ็บ-ตายวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ทำอะไรไม่
ได้นอกเสียจากภาวนาให้มนุษย์ตัวน้อยผู้นั้นจงเข้มแข็ง
เพื่อรอเวลาให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง
ความรักของมาร์คที่มีต่อจินยองนั้นกล้าแกร่งมากจนในที่สุดเทวีก็ยอมรับ โดยอนุญาตให้เขาลงมาหาจินยองบนโลกมนุษย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในทุกหนึ่งร้อยปี ก่อนจะต้องกลับไปยังดวงจันทร์เพื่อรับโทษต่อไป
ความรักของมาร์คที่มีต่อจินยองนั้นกล้าแกร่งมากจนในที่สุดเทวีก็ยอมรับ โดยอนุญาตให้เขาลงมาหาจินยองบนโลกมนุษย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในทุกหนึ่งร้อยปี ก่อนจะต้องกลับไปยังดวงจันทร์เพื่อรับโทษต่อไป
คืนนี้เป็นปีที่สี่ร้อยสำหรับการลงโทษ
อี้
เอินอธิบายไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรตอนที่เห็นจินยองเดินมา
ร่างเล็กยังคงเหมือนเทพน้อยองค์เดิมทุกประการที่เขาเคยรู้จัก
น้ำตาของมาร์คไหลรินอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นว่าคนรักได้มีชีวิตที่ดีบนโลก
มนุษย์ เขาปาดน้ำตาออกแล้วร่ายเวทย์ให้จินยองเห็นแค่เพียงเขา
วินาทีที่สบตากัน อี้เอินเข้าใจทันทีว่าความคิดถึงฆ่าเขาได้ทั้งเป็นจริงๆ
:::::::::: MOONLIGHT ::::::::::
จินยองสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้า
อาการปวดหัวเล่นงานเขาทันทีจนต้องเอามือบีบขมับเอาไว้
ร่างเล็กกลอกสายตาไปทั่วห้องนอนของตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังปกติดี
ยกเว้นแต่อาการเจ็บที่สะโพกซึ่งยากจะอธิบายได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น
เขาพยายามนึกเหตุการณ์ย้อนหลังแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
จำได้แค่ว่ากำลังเดินกลับห้อง แต่มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
“แปลก
แฮะ เหมือนจะลืมอะไรไปสักอย่าง” จินยองพึมพำแล้วฝืนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ
เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยสัมผัสที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้
รอยฟันเขี้ยวยังคงปรากฎให้เห็นจางๆ ที่ไหล่ขวา
ร่างเล็กตกใจจนแทบประคองตัวไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพร่างกายของตัวเองเต็มๆ
ในกระจก
“นั่นอะไร” จินยองบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นโน้ตใบเล็กที่ถูกแปะไว้บนกระจก ข้อความบนนั้นอ่านได้ว่า
‘จะกลับมา’
“เวรเอ้ย..” เขาสบถแล้วกำกระดาษแผ่นเล็กทิ้งถังขยะทันที
ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน อาจจะโดนหลอก อาจจะเมา อะไรก็ช่าง
จินยองจะถือว่าเป็นคราวซวยของตัวเองแล้วกัน
คิดได้ดังนั้นก็เดินไปอาบน้ำแล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตต่อราวกับไม่เคยเกิดอะไร
ขึ้นเลย
นาฬิกาบนโลกมนุษย์ของปาร์คจินยองเดินถอยหลังอีกครั้ง
:::::::::: MOONLIGHT ::::::::::
“ฉันกำลังรีบไป บอกบอสเลยโปรเจ็คนี้ลูกค้าชอบแน่ ฉันคิดทั้งคืนเลย เจ๋งสุดๆ - ชิท! -
เดี๋ยวโทรกลับนะ”
จินยองเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะหันมาทำตาขวางใส่คนที่เพิ่ง
เดินชนเขาหมาดๆ อเมริกาโน่ร้อนในมือหกรดเอกสารสำคัญของเอาไปมากกว่าครึ่ง
จินยองไม่มีเวลาแม้แต่จะมายืนด่า
ร่างเล็กรีบเก็บรวบรวมกระดาษในแฟ้มมาแล้วปัดๆ น้ำออก
หนึ่งร้อยปีต่อมา ปาร์คจินยองกำลังรีบสุดชีวิตเพื่อไปทำงานให้ทัน แต่กลับเจอเรื่องซวยเข้าจนได้
หนึ่งร้อยปีต่อมา ปาร์คจินยองกำลังรีบสุดชีวิตเพื่อไปทำงานให้ทัน แต่กลับเจอเรื่องซวยเข้าจนได้
“ผ้าเช็ดหน้ามั้ยครับ” คนที่เป็นฝ่ายเดินชนกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าของอาร์มานี่ที่ปักตัวอักษร M ที่มุมขวามาให้
จินยองกระชากมันมาจากมือของชายหนุ่มด้วยแรงโทสะ แล้วจึงซับๆ
กระดาษเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ปากบางก็พร่ำบ่นไม่หยุด “ซวยแท้ๆ ซวยจริงๆ
ทำไมซวยแบบนี้วะปาร์คจินยอง”
“ผมมี
ประชุมด่วน นี่นามบัตรผม”
ชายหนุ่มยัดนามบัตรใส่มือของจินยองก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง
การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้จินยองปรี๊ดแตก
“เฮ้ยไอ้หัวเทา คิดจะชนแล้วหนีเหรอ!”
เจ้าของ
ผ้าเช็ดหน้าหันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง
ดวงตาคู่นั้นเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างประหลาด โครงหน้าดูดี
ผิวพรรณเปล่งประกายเหมือนแสงจันทร์ยามค่ำคืน
จินยองเผลอจ้องอีกฝ่ายนานเกินไปจนลืมคำพูดในหัวไปเสียหมด
“โทรมาแล้วกันนะครับ”
“ด..เดี๋ยวสิ” กว่าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็เดินจากไปแล้ว ร่างเพรียวจิ๊ปากก่อนจะก้มลงอ่านนามบัตร “มาร์คต้วน ชื่อคุ้นๆ แฮะ”
“บอสจะกินหัวมึงอยู่แล้ว หายไปไหนมา!” แจ็คสันรีบวิ่งเข้ามาช่วยเขาถือของเมื่อเห็นว่าสัมภาระในมือของร่างเล็กเยอะขนาดไหน
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย เริ่มพรีเซ้นท์ยัง?” เขาถามเสียงหอบ เพราะเพิ่งวิ่งมาเหมือนกัน
“ยัง บอสถ่วงเวลาให้มึงอยู่ รีบๆ เลย” แจ็คสันว่าแล้วรุนหลังเพื่อนเข้าไปในห้องประชุม
จินยองหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป
วันนี้เป็นการพิชงานโปรเจ็คสำคัญของบริษัท
จินยองในฐานะมือหนึ่งจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนำเสนอผลงาน
เขาก้มหัวกล่าวแนะนำตัว ก่อนจะแจกรอยยิ้มไปทั่วทั้งห้อง
จนกระทั่งมาสะดุดที่ชายหนุ่มหน้าจีนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างเจ้านายเขา
ไม่ผิดแน่ คนเดียวกับเจ้าของผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าชัวร์
จินยองฝืนยิ้มแล้วทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติ
แม้จะรู้สึกประหลาดกับสายตามีนัยยะแฝงที่คุณมาร์คมองมาแต่ก็เลือกที่จะมอง
ข้ามไป เสียงปรบมือดังลั่นห้องทันทีที่เขาพรีเซ้นท์จบ
จินยองเป็นมืออาชีพมากพอที่จะทำงานได้ดีในทุกสถานการณ์
มาร์คเดินมาหาจินยองทันทีหลังจากเซ็นสัญญากับเจ้านายของเขาเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องมือเช้า แต่เอกสารที่มีกลิ่นกาแฟก็ดีเหมือนกันนะ”
จินยองแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย ปกติเขาจะเกรงใจลูกค้าทุกคน
แต่กับหมอนี่เขากลับแสดงร่างปาร์คจินยองเวอร์ชั่นปกติให้เห็น
“นี่ผ้าเช็ดหน้าคุณ เอาคืนไป”
มาร์คยิ้มแล้วรับผ้าเช็ดหน้าคืนมา
ปลายนิ้วของเขาจงใจสัมผัสกับมือของจินยองจนร่างเล็กสะดุ้งรีบชักมือกลับ
มาร์คปรายตามองพนักงานคนอื่นในห้องที่กำลังแอบมองพวกเขาอย่างสนใจแล้วจึงหัน
กลับมาที่จินยองอีกครั้ง “ไปทานข้าวกันนะครับ
ผมอยากเลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อเช้า”
“ผมไม่ว่าง” เขารีบบอกปัดโดยเร็ว
“งั้นเย็นนี้ล่ะ”
“ก็ไม่ว่างอีกนั่นแหละ”
“พรุ่งนี้?”
“ไม่ว่างเหมือนกัน”
“มะรืน?”
“ไม่ว่าง”
“แล้วเมื่อไหร่จะว่าง”
“ไม่ว่าง! เมื่อไหร่ก็ไม่ว่าง ไม่ต้องเสียเวลารอหรอกครับ!”
มาร์คนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนวาดรอยยิ้มที่ทำให้ใจคนมองกระตุก “ไม่เป็นไรครับผมรอได้”
เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้จินยองมากขึ้น มือเรียวเกี่ยวปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าขึ้นไปทัดหู นัยน์ตาของชายหนุ่มทอประกายเจิดจ้าเหมือนพระจันทร์ในคืนเดือนหงาย ริมฝีปากอิ่มเลื่อนไปแนบชิดใบหูแล้วกระซิบถ้อยคำที่มีเพียงคนสองคนที่ เข้าใจ “ผมรอจินยองมาร้อยปีแล้ว รออีกนิดจะเป็นอะไรไป”
เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้จินยองมากขึ้น มือเรียวเกี่ยวปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าขึ้นไปทัดหู นัยน์ตาของชายหนุ่มทอประกายเจิดจ้าเหมือนพระจันทร์ในคืนเดือนหงาย ริมฝีปากอิ่มเลื่อนไปแนบชิดใบหูแล้วกระซิบถ้อยคำที่มีเพียงคนสองคนที่ เข้าใจ “ผมรอจินยองมาร้อยปีแล้ว รออีกนิดจะเป็นอะไรไป”
จินยองมองหน้ามาร์คอย่างไม่เข้าใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม
กล่าวเพียงว่าดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งแล้วเดินจากไป
จินยองยืนงงอยู่ชั่วครู่ก็รีบวิ่งตามไป
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากำลังทำอะไร เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังเสียการควบคุม
“คุณมาร์ค คุณ! เดี๋ยวก่อนครับ” มาร์คหันมามองแล้วเลิกคิ้วแทนการตั้งคำถาม
จินยองหน้าแดงระเรื่อ หัวใจเต้นเร็วจนกลัวว่ามันจะวายเอา “เอ่อ
เย็นนี้จริงๆ ก็พอว่างนะ”
มาร์คยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วพยักหน้ารับรู้ เขาแบมือขอโทรศัพท์ของจินยองเพื่อเอาไปเมมเบอร์ของตัวเองให้
“ต้วนอี้เอิน? ทำไมล่ะ”
“เพราะผมเป็นอี้เอินของคุณเสมอไงครับ ไม่ว่าจะชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหนๆ”
มาร์คเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาขึ้นไปทัดหูให้จินยองอีกครั้ง
เขายิ้มให้จินยองทั้งตาและปาก “ฉันกลับมาแล้วนะ
จะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว”
แสงตะวันยามบ่ายส่องลอดกระจกเข้ามาในห้อง เงาของทั้งสองคนทอดเคียงกันเฉกเช่นเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว
เงาที่แสงจันทร์ไม่อาจพรากพวกเขาจากกันได้อีก...
FIN .
#ฟิคอลจ