July 17, 2016

#DoubleB #MinBin | A Midsummer's Nightmare





A Midsummer’s Nightmare
 Jiwon x Hanbin x Minho









มินโฮตัดสินใจเช่าตุ๊กตารูปงามจากมาม่าซังมาในราคาหนึ่งแสนวอนต่อการใช้งานหนึ่งคืน  เมื่อจ่ายเงินเสร็จสรรพ  ร่างสูงก็หันไปผงกหัวเรียกให้คนที่นั่งหน้านิ่งรออยู่ตรงโซฟาให้เดินตามมา  จัดแจงเปิดประตูรถให้เรียบร้อยก่อนจะเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ


“ฉันชื่อมินโฮ นายชื่ออะไรนะ” เขาเอ่ยถามในขณะที่รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านเช่า  ภายนอกก็ดูเป็นบ้านพักธรรมดาๆ  แต่ในหมู่ผู้นิยมเด็กน้อยน่ารักบ้านหลังนี้เป็นที่รู้จักกันดีหากคุณต้องการจะนอนกับใครสักคน  ไม่แพง  แถมบางทีก็มีของดีหลุดมาให้เห็นบ่อยๆ  อย่างคนข้างๆ นี่ก็เรียกว่าใช่  เด็กหนุ่มที่มีนัยน์ตาวาวเหมือนลูกแมวเท้าแขนกับกระจก  ไม่ได้สนใจคำถามนั้นจนผู้เป็นเจ้าของชั่วคราวต้องถามซ้ำ  “ฉันถามว่านายชื่ออะไร”


“บีไอ”


“นามแฝงเหรอ”


คนที่กล่าวว่าตัวเองชื่อฮันบินผินหน้ากลับมา  ลูกแก้วคู่นั้นว่างเปล่ายามถามย้อนกลับ  “แล้วไง จะชื่ออะไรสำคัญด้วยหรือ”


“สำคัญสิ” มินโฮว่า  เหลือบมองคนที่นั่งข้างๆ เล็กน้อยก่อนหันกลับไปสนใจถนนต่อ “นายไม่อยากให้ฉันเรียกชื่อนายตอนมีอะไรกันหรือไง”


ฮันบินเม้มปาก  ไม่ตอบรับคำหยอกเอิน  มีเพียงแก้มใสที่เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อให้คนแซวได้รู้ว่าเด็กหนุ่มยังไม่ได้ด้านชามากจนเกินไปนัก  มินโฮใช้บริการที่นี่เป็นหนที่สาม  ต้องบอกว่าสองครั้งแรกเด็กน้อยที่ออฟมาล้วนแต่จริตแพรวพราว  มีทั้งกร้านโลกจริงและแอ๊บโลกสวย   ผิดกับตุ๊กตาตัวนี้ลิบลับ  ฮันบินไม่แสดงอารมณ์อื่นใดเลยนอกเสียจากความเบื่อหน่าย


พอได้เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงก็เลยอดเอ็นดูไม่ได้


“ถามอะไรหน่อยได้ไหม”


“จะถามอะไร” คนที่หลวมตัวตอบโต้บทสนทนาด้วยไปตั้งแต่แรกคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้ว  ทั้งการอยู่เงียบๆ เพียงลำพังในรถก็น่าอึดอัดเกินไป  บางทีการได้คุยกันบ้างก่อนจะได้ยินแต่เสียงอย่างอื่นอาจจะดีก็ได้


“นายทำอาชีพนี้มากี่ปีแล้ว”


ฮันบินขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ค่อยอยากจะตอบแต่ก็ยอมตอบ “สาม”


“ตอนนี้อายุเท่าไหร่”


“เอาเป็นว่าคุณไม่ติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์ก็แล้วกัน”


“แต่ก่อนหน้านี้ใช่ใช่ไหมล่ะ”


ฮันบินเงียบ  เขาเพิ่งอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ไปเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น  การอยู่ลำพังในเมืองหลวงทำให้เด็กหนุ่มเหลือทางเลือกไม่มาก  และเมื่อความตายมาเคาะประตูบ้านเพื่อเพรียกหาบิดาบังเกิดเกล้า  เขาจึงยอมทำอะไรก็ได้เพื่อให้ได้เงินมาต่อชีวิตผู้ให้กำเนิด  ตอนนั้นศักดิ์ศรีไม่อาจจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ 


แต่การนอนกับเสี่ยใหญ่รายหนึ่งทำได้


หลังจากคืนนั้นฮันบินก็ก้าวสู่โลกมืดเต็มตัว  จะเรียกว่าโชคดีไหมก็ไม่แน่ใจนักที่บังเอิญเสี่ยคนนั้นติดอกติดใจรสชาติของตุ๊กตาตัวนี้เสียเหลือเกิน  ฮันบินจึงไม่เคยต้องผ่านมือใครซ้ำสองมาตลอดสามปีที่ผ่านมา  จนกระทั่งวันที่เสี่ยสิ้นใจ  และครอบครัวอาซ้อตามมายึดทุกอย่างที่เสี่ยเคยให้เขาไว้คืนไปหมด  พร้อมทั้งทำทุกอย่างจนเขาไม่อาจทนอยู่ในโซลได้อีกต่อไป  ฮันบินจึงย้ายมาอยู่ที่ปูซาน  โชคร้ายที่อาการป่วยของบิดาทรุดหนักอีกครั้ง  และต้องได้รับการผ่าตัดด่วน  เขาจึงยอมสละศักดิ์ศรีซ้ำสองเพื่อประคองลมหายใจเฮือกสุดท้ายของผู้ให้กำเนิดเอาไว้


และคืนนี้มินโฮจะเป็นคนที่สองที่จะได้ลิ้มรสชาติของตุ๊กตาตัวนี้


“บ้านคุณเหรอ” เขาเอ่ยถามอย่างสนเท่ห์เมื่อรถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้านขนาดกลางหลังหนึ่ง  มินโฮดูไม่น่าจะมีเงินมากพอที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในปูซานได้เสียด้วยซ้ำ


“เข้ามาก่อนสิ”
ฮันบินลังเล  หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเมื่อตระหนักได้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเขาต้องพลีกายให้คนอื่นอีกครั้ง  จริงอยู่ที่เขาเคยนอนกับเสี่ยมานับครั้งไม่ถ้วน  แต่ตลอดสามปีที่ผ่านมาเสี่ยเอ็นดูเขาเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง  แถมยังตามใจเสียจนเขาเหลิงออกจะบ่อย  จนหลังๆ ฮันบินจึงไม่ได้คิดว่าการนอนกับเสี่ยคือการขายตัวเพื่อแลกเงิน  แต่มันคือการทำรักที่เขาเองก็เต็มใจจะให้อีกฝ่ายกอด


ใช่ สามปีมันนานมากพอที่จะทำให้ลูกจ้างตกหลุมรักความใจดีของเจ้านายตัวเอง


“คุณจะอาบน้ำก่อนหรือเปล่า” ฮันบินเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาในบ้านเรียบร้อยแล้ว  มินโฮเดินไปรินน้ำมาให้เขา  ใจดีเสียจนเด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าแขกทุกคนจะสุภาพแบบนี้หรือเปล่า


“อืม ได้  แล้วนายล่ะ”


“ผมอาบมาแล้ว อ๊ะ” เขาสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายซุกหน้ามายังซอกคอขวาอย่างรวดเร็ว  ไอร้อนของลมหายใจทำให้เลือดลมในร่างกายวิ่งพล่าน “ทำอะไรของคุณ!”


“อืม ตัวหอมดี ผ่าน”


ฮันบินหน้าแดง  มินโฮมีวิธีการพิสูจน์ว่าใครอาบน้ำไม่อาบน้ำด้วยการดมคอคนอื่นหรือไง  แล้วดมอย่างเดียวก็พอไหม  จะขบผิวเนื้อของเขาทำไมล่ะ!


“นั่งรอที่นี่ก่อน  เดี๋ยวฉันมา”


“เดี๋ยวครับ” ฮันบินร้องรั้ง  กวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างประหม่า  “ผมไปนั่งรอในห้องนอนคุณไม่ได้เหรอ  ผมไม่อยากตอบคำถามคนอื่นว่าผมเป็นใคร  มาทำอะไรที่นี่”


มินโฮยกยิ้ม  ลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างนึกเอ็นดู  เด็กอย่างไรเสียก็คือเด็ก  จะผ่านโลกแบบไหนมาแต่ธาตุแท้ที่ฝังอยู่ในใจอย่างไรก็กำจัดออกไปไม่ได้


“อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย  นั่งรออยู่ที่นี่แหละ  เตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกัน”


“แต่ว่า...”


“บ้านหลังนี้ตอนนี้มีแค่นายกับฉัน  อย่ากังวลไปเลยเด็กดี  เอาล่ะ  ปล่อยฉันก่อน”


ฮันบินกัดปากอย่างลังเล  แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยชายเสื้อที่เผลอรั้งเอาไว้จนได้  เขาเฝ้ามองจนกระทั่งแผ่นหลังของเจ้านายชั่วคราวหายลับไปบนบันไดเวียนขึ้นชั้นสองของตัวบ้าน  ความรู้สึกบางอย่างร้องเตือนให้เขาหนีไปจากที่นี่ซะ


“ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า” เด็กหนุ่มพยายามปลอบตัวเอง  เขานั่งลงที่โซฟา  หายใจเข้าออกเพื่อทำสมาธิ  แม้จะเตรียมใจมามาก  แต่เมื่อต้องลงสนามจริงฮันบินก็ยอมรับว่ากลัวจนสั่นไปหมด  ภายใต้ท่าทีเบื่อหน่ายที่พยายามแสดงออกไปนั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น


นี่เขาควรทำอย่างไรดี


มือบางหยิบแก้วน้ำที่มินโฮรินไว้ให้ขึ้นมาดื่มเพื่อระงับความตื่นเต้น  สองมือกุมแน่นอยู่บนตัก  พยายามบอกตัวเองว่าต้องมีเงินไปรักษาพ่อ  ต้องสู้  ชีวิตพ่อเดิมพันกับความกล้าของนายในครั้งนี้  ฮันบินบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมา  ซ้ำมาซ้ำไป  โลกเบื้องหน้าดูบิดเบี้ยวไปทุกขณะ


และภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือผู้ชายคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา  ยืนจ้องหน้าเขาพร้อมกับประโยคที่ฟังดูลางเลือนเมื่อสติเริ่มเลือนลาง


“คิมฮันบิน”


ก่อนที่โลกทั้งใบจะดับวูบไปต่อหน้าต่อตา







///////







สติของฮันบินค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง  เขาพยายามจะลืมตา  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เห็นแต่ความมืดมิด  พอลองขยับตัวก็พบว่ามือทั้งสองข้างถูกจับมัดไพล่หลังอยู่  เช่นเดียวกันกับข้อเท้าที่ถูกเชือกมัดไว้อย่างแน่นหนา


“ค..คุณมินโฮ เล่นบ้าอะไร!”


“ตื่นมาก็โวยวายเลยนะ” เสียงทุ้มที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากมุมห้อง  ฮันบินตัวแข็งขึ้นมาทันที  ความกลัวแล่นมาจับที่ขั้วหัวใจ


“น..นั่นใคร”


“บอกไปนายจะรู้จักหรือไง” มือสากจับที่ปลายคางของเขาก่อนจะหันให้ไปตามทิศที่ต้องการ  ลมหายใจอุ่นร้อนลอยปะทะอยู่บนใบหน้า  ทำให้ฮันบินรู้ว่าผู้ไม่ประสงค์ดีอยู่ใกล้เขามากเหลือเกิน


“คุณจะทำอะไร  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” เขาออกคำสั่ง  พยายามดิ้นเพื่อให้เชือกที่พันธนาการตัวเองไว้หลุดออกไป  แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งบาดข้อมือข้อเท้าตัวเองจนเลือดซิบ  “มินโฮ คุณอยู่ไหน ช่วยผมด้วย!”


“ฉันอยู่นี่ จะร้องทำไม”


ฮันบินหยุดดิ้น  หันหน้าไปตามทิศเสียงที่ได้ยิน  “คุณอยู่ในนี้ด้วยเหรอ”


“ใช่”


“นี่มันเกิดอะไรขึ้น  พวกคุณเล่นบ้าอะไร”


“นั่นเป็นคำถามที่ดีนะ” มินโฮเอ่ยชม  หันหน้าไปทางคนที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ แล้วเลิกคิ้วใส่ “แกเล่นบ้าอะไรอยู่วะจีวอน”


คนโดนเรียกแสยะยิ้ม  ยิ่งเห็นฮันบินนิ่งไปก็ยิ่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน


“นั่น.. คุณคิมจีวอน?”


ใช่ นั่นเขาล่ะ  คิมจีวอน  บุตรชายคนเดียวของบุรุษที่เลี้ยงดูคิมฮันบินมานานกว่าสามปี


“ดีใจที่รู้จักฉันนะคุณฮันบิน”


“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำกับผมแบบนี้!!”


“อ๋อ  มีแน่  ได้ข่าวว่าเพื่อนฉันเพิ่งซื้อนายมาแสนวอนนี่  น้อยกว่าเศษเงินที่อาป๊าปรนเปรอนายตั้งเยอะ  เพราะงั้นคืนนี้ช่วยคืนกำไรให้พวกฉันหน่อยแล้วกัน”


“ม..ไม่  ไม่”


ฮันบินเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อผ้าถูกถอดออกไปหมดสิ้นตอนที่ขยับตัวหนีนั่นเอง  แผ่นหลังบางเอนชิดไปกับโซฟา  เขาไม่รู้ทิศทางใดๆ เพราะสายตายังถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำสนิท  เสียงหัวเราะของจีวอนยิ่งทำให้เขากลัวอีกฝ่ายจับใจ


“มานี่!”


เพียงแรงกระชากเดียวที่ข้อเท้าร่างทั้งร่างก็ไถลไปแต่โดยง่าย  ฮันบินพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด  ยอมรับว่าเขากลัวมาก  การตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือศัตรูในภาวะไร้ทางสู้เช่นนี้เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับศัตรูที่เรารู้ดีว่าเขาปรารถนาอะไร


“ไม่แปลกใจเลยทำไมป๊ามึงหลงเด็กนี่ขนาดนี้  น่าฟัดฉิบหาย” เสียงมินโฮดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับเสียงสูดปากอย่างตื่นเต้น  “เปิดตาหน่อยดีกว่ามึง  ให้น้องเขาได้จดจำทุกรายละเอียดไปกับเรา”


“เอางั้นเหรอ” จีวอนว่า  ก่อนจะแก้ผ้าปิดตาออกให้


ทันทีที่ได้การมองเห็นคืนมา  ใบหน้าเรียบนิ่งของผู้ชายสองคนตรงหน้าก็ทำเอาเด็กหนุ่มที่ถูกมัดอยู่สติแตก  ฮันบินไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้ออกมาตั้งแต่เมื่อไร  เขาพยายามขยับตัวหนี  แต่แพ้แรงคนที่ยึดข้อเท้าของเขาเอาไว้


“อย่าทำอะไรผมเลยนะ  ผมขอร้อง”


“อยากร้องเหรอ  ได้ร้องแน่  ร้องดังๆ เลยก็ดีนะ  เอาให้อาป๊าบนสวรรค์ได้ยินเลยว่าลูกชายมีเมียคนเดียวกับพ่อตัวเอง!” จีวอนตวาด สายตาวาวโรจน์  ฮันบินเคยเจออีกฝ่ายโดยบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน  นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่พวกเขาพบกัน  ทว่าสายตาอาฆาตที่จีวอนส่งมาให้ยังคงติดตรึงในสมอง  ชายหนุ่มฝังหัวไปแล้วว่าฮันบินเป็นคนทำให้ครอบครัวของจีวอนพังทลาย  ทั้งๆ ที่อาเสี่ยไม่ได้เลี้ยงแค่ฮันบินคนเดียวด้วยซ้ำ  และในยามนี้จีวอนก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยกว่าตอนนั้นเลย


“คุณจีวอ--- อื้ออออ” ยังไม่ทันที่ฮันบินจะได้พูดอะไร  ริมฝีปากร้อนก็ประกบลงมาเสียก่อน  สองมือล็อกใบหน้าเอาไว้ในเผยอรับสัมผัสแต่โดยดี  ฮันบินพยายามจะกัดลิ้นสู้  แต่ก็โดนจีวอนรู้ทัน  ซ้ำยังร้ายกลับด้วยการกัดที่ริมฝีปากอิ่มของเขาจนได้แผล พร้อมจูบอย่างรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งในปาก


เจ็บ
เจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกาย


จีวอนกอดรัดร่างนุ่มนิ่มนั่นเอาไว้แน่น  ซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่น  ขบเม้มไปตามผิวเนื้อจนเกิดรอยแดงประปราย   มินโฮเดินมาซ้อนหลังแล้วดันฮันบินให้ลุกขึ้นนั่ง  สอดมือเข้ามาลูบไล้หน้าอกเนียนแผ่วเบา  สร้างความวาบหวิวให้เด็กน้อยจนร่างกายกระตุกเกร็ง


“ม..ไม่”


จีวอนปลดเชือกที่ผูกข้อเท้าออก  ฮันบินทำท่าจะถีบแต่ก็โดนอีกคนล็อกเอาไว้เสียก่อน  ตอนนี้จีวอนนั่งแทรกอยู่ตรงหว่างขาเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม  มือหนึ่งยึดท่อนขาเอาไว้แน่น  ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปปลุกปั่นอารมณ์ของอีกฝ่าย 


ฮันบินสะบัดหน้าไปมา  ความรู้สึกเสียววูบเล่นงานเสียจนสมองพร่าเบลอ  รังเกียจสัมผัสที่กำลังได้รับจากผู้ชายทั้งสองคนนี้  แต่ร่างกายกลับไวสัมผัสไม่อาจต่อต้านได้เลย  เขาเม้มปากแน่น  ไม่ยอมให้เสียงน่าอายเล็ดลอดออกมาเด็ดขาด


มินโฮรั้งใบหน้าหวานให้หันกลับมารับจุมพิตเมื่อเห็นว่าตุ๊กตาจำลองเริ่มกัดปากตัวเองอีกครั้ง  จีวอนน่ะเล่นแค่แปปเดียวก็ทำของชำรุดเสียแล้ว  ร่างสูงค่อยๆ ดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายราวจะขอร้องให้เผยอปากออกให้เขาเข้าไปสำรวจ  แต่ฮันบินน่ะพยศกว่าที่คิด  มือหยาบจึงเลื่อนไปสะกิดจุดไวสัมผัสที่หน้าอกเนียนเล่นเอาเด็กน้อยสะดุ้งเฮือก  เผลอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ  คนเจ้าแผนการฉวยโอกาสส่งเรียวลิ้นเข้าไปด้านในทันที  ยิ่งฮันบินหลบหลีกเขาก็ยิ่งไล่ต้อน  เสียงของสัมผัสเปียกลื่นดังให้ได้ยินเป็นระยะ  พร้อมกับร่างกายนุ่มนิ่มที่เริ่มสิ้นฤทธิ์ทีละนิด


จีวอนมองใบหน้าของคนที่ทำให้ครอบครัวเขาล่มสลาย  ดวงตาคู่สวยเริ่มปรือปรอยไปกับสัมผัสที่ได้รับการปรนเปรอ  เขาเคยเห็นเด็กของป๊าตัวเป็นๆ แค่ครั้งเดียว  ตอนที่เจออีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูดีอะไร  เด็กกว่าเขาตั้งหลายปีด้วยซ้ำ  เขาไม่รู้เลยว่าเด็กนี่มารยาอย่างไรจนป๊าเขาหลงแทบเป็นแทบตาย  จริงอยู่ที่ป๊ามีบ้านเล็กเยอะแยะ  แต่ไม่เคยมีใครที่ป๊าส่งเสียเป็นจริงเป็นจังเหมือนฮันบิน  จีวอนข้องใจแทบตายว่าเด็กอายุสิบเจ็ดในยามนั้นมีอะไรดี  พอได้มาเห็นอีกฝ่ายโดยไร้อาภรณ์ปิดบังเขาจึงเข้าใจ 


ฮันบินมีผิวกายเนียนละเอียดลูบแล้วเพลินมือ  รูปร่างอรชรมีน้ำมีนวล  จะจับตรงไหนก็เต็มมือไปหมด  กลิ่นกายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  มันไม่ใช่กลิ่นหวานๆ เหมือนน้ำหอมสตรี  แต่มันเป็นกลิ่นของเด็กนี่  กลิ่นของฮันบินเท่านั้นที่มี  ริมฝีปากอิ่มที่ให้รสชาติที่ดี  แก้มนุ่มนิ่ม  จมูกโด่งรั้น  ต้นคอขาวที่น่ากัดให้จมเขี้ยว


และดวงตาคู่นั้น
ดวงตาที่ทำให้อีกฝ่ายยังคงตามมาหลอกหลอนเขานับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน


บ่อยครั้งที่จีวอนเก็บไปคิดว่าจะเป็นอย่างไรหากเขาได้ครอบครองเจ้าของดวงตานี้บ้าง  มันจะทอประกายอย่างไรเมื่อเขาทำรักแรงๆ  หรือจะเจ้าเล่ห์ขนาดไหนหากรู้ถึงจำนวนทรัพย์สินที่เขามี  เขาอยากเห็นดวงตาคู่นี้ร่ำไห้ - ให้มากเท่าที่อาม้าของเขาต้องเสียน้ำตามาตลอดสามปี - เพราะฮันบินน่ะก็แค่เด็กหิวเงินที่หาวิธีรวยทางลัด  แล้วป๊าเขาก็บังเอิญโง่ให้เด็กมันหลอก


จีวอนถึงต้องมาคิดดอกเบี้ยเล็กๆ น้อยๆ ในตอนนี้


ชายหนุ่มเคล้นคลึงสัดส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่ายจนส่วนปลายปริ่มน้ำ  เขามองเพื่อนรักที่จูบอยู่กับศัตรูตามชะตากรรมของตน  มินโฮรับรู้ทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นเพียงแค่ไม่เคยเจอฮันบินตัวจริง  ครั้นพอได้ข่าวจากจีวอนว่าเด็กหนุ่มย้ายมาอยู่ที่ปูซานแล้ว  มินโฮก็เป็นคนแอบติดตามดูพฤติกรรมของฮันบินให้ตามคำสั่งเพื่อน  แล้วก็เป็นมินโฮอีกนั่นแหละที่หยิบยื่นสถานที่ค้าบริการนั่นให้ฮันบินไปโดยอ้อมๆ  แล้วปลาก็ติดเบ็ดอย่างที่คิดไว้


หึ คนเคยรักสบายอย่างไรก็ยังคงรักสบายอย่างนั้น


“อ๊ะ อ..อย่า” เด็กหนุ่มร้องห้ามเมื่อจีวอนตวัดลิ้นแลบเลียตุ่มไตสีอ่อนด้านบน  เอวบางบิดไปมาด้วยความเสียวซ่าน  ร่างกายขืนเกร็งขึ้นมาอีก  ฮันบินกลัวจีวอนจับใจ  สายตาของจีวอนไม่มีแววเป็นมิตรอยู่เลย  ต่างจากมินโฮที่เขาเห็นเพียงแววรักสนุกอยู่ในนั้น  เช่นนี้เมื่อรับรู้ว่าร่างกายกำลังโดนจีวอนสัมผัสมันจึงเกิดการต่อต้าน


“เด็กดี อย่าดิ้นสิ” มินโฮกระซิบที่ข้างหู  พร้อมกับขบเม้มที่หูบางของเขาไปด้วย  ฮันบินขนลุกซู่  เกลียดที่ร่างกายเผลอรู้สึกดีไปกับสัมผัสเหล่านั้น


จีวอนยกยิ้มมุมปากที่มีเพียงแววสมเพชส่งมาให้  ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออกแล้วนั่งลงสบายๆ ที่โซฟา  ก่อนจะออกคำสั่งให้มินโฮกดฮันบินลงมาที่หว่างขาของตน


“ถ้ากัดนายตายแน่  รู้ใช่ไหมว่าฉันพูดจริง” เขาขู่


อีกฝ่ายใช้นัยน์ตาแข็งกร้าวตอบโต้กลับมาทันที “ตอนนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”


“นายกล้าตายก่อนพ่อนายด้วยเหรอ” จีวอนยิ้มเยาะ  รู้สึกสนุกที่ได้ข่มขู่ลูกแมวตัวน้อยมากเข้าไปใหญ่  คนพยศน่ะมีวิธีปราบไม่กี่อย่างหรอก  เพียงหาจุดอ่อนให้เจอก็พอ  คราวนี้จะบีบก็ตาย  จะคลายก็ใช่ว่าจะรอดอยู่ดี


“กล้าดียังไงมาพูดถึงพ่อผม!”


“เอางี้ไหมล่ะ  ฉันมันใจป้ำไม่แพ้ป๊าหรอกนะ  คืนนี้ทำให้พวกฉันสองคนพอใจ  แล้วนายจะได้กอดเงินก้อนโตกลับบ้าน  โอเคไหม?”


“ไม่! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้”


“นายไม่อยากให้พ่อได้ผ่าตัดหรือไง  ทำครอบครัวเขาพังไม่พอยังจะเป็นลูกทรพีอีกเหรอ”


ฮันบินโกรธจนตัวสั่น  ถ้าไม่ติดว่ามือถูกมัดไว้เขาจะบีบคอจีวอนจนตายข้อหาที่พูดจาดูถูกกันขนาดนี้  จีวอนเคยรู้ที่ไหนว่าชีวิตคนที่ไร้ทางเลือกนั่นโหดร้ายเพียงใด  ศักดิ์ศรีโดนเหยียบย่ำจนแม้แต่ลมหายใจตัวเองก็ยังนึกรังเกียจ


“ฮันบิน คิดดีๆ นะ” มินโฮพูดเบาๆ


คนโดนรังแกกัดปาก  จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่านั่นแหละ  ต่อให้เขาทำงานเป็นเดือนก็ใช่จะได้เงินเพียงพอต่อการผ่าตัดครั้งนี้  แต่ทำไม  ทำไมต้องเป็นคิมจีวอน  ดูก็รู้ว่าหมอนี่มาเพียงเพื่อจะตอกย้ำว่าคนอย่างเขามันน่ารังเกียจและซื้อได้ด้วยเงิน  จีวอนไม่เคยรู้ว่าในช่วงหลังเขาแทบไม่ได้รับเงินจากเสี่ยแล้ว  ทุกอย่างมันเป็นไปด้วยความรักและภักดี  เสี่ยมาหาเขาเวลาที่ตัวเองไม่สบายใจ  ฮันบินแทบจะเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของตระกูลคิมเกือบทุกอย่าง  จีวอนเคยรู้ที่ไหนว่าพ่อตัวเองเจอปัญหาอะไรบ้างในแต่ละวัน


แต่ในเมื่อจีวอนมองเขาแบบนั้นไปเสียแล้ว  ฮันบินก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ต้องแก้ตัวอีก


“ร้อยล้านวอน” เขามองหน้าอีกฝ่ายอย่างถือดีในขณะยื่นข้อเสนอ  “ผมขอร้อยล้านวอนสำหรับคืนนี้”


“มันไม่มากไปหน่อยหรือไง  คิดว่าตัวเองมีค่าขนาดไหนกันเชียว” จีวอนกดเสียงต่ำ  สีหน้าดูแคลน


เด็กหนุ่มเชิดหน้าขึ้น  “อาป๊าคุณจ่ายผมมากกว่านี้ก็แล้วกัน”


“หึหึ” คนโดนต้อนหัวเราะในลำคอ  ฮันบินจับจุดถูกว่าจีวอนรักการแข่งขันและถือดี  ถ้าไม่ได้จะต้องการวัดรอยเท้าพ่อตัวเองก็คงไม่ดั้นด้นมาหาเขาถึงปูซานหรอก 


สำหรับจีวอนแล้ว  ฮันบินเป็นดั่งสัญลักษณ์ของการลุแก่อำนาจของตน  หลังจากสิ้นคุณคิมแล้ว  บุตรชายคนเดียวอย่างจีวอนก็กลายเป็นความหวังของตระกูลทันที   แต่จีวอนยังเด็กนักสำหรับโลกใบนี้  การเอาชนะบิดาได้ในบางเรื่องจึงเป็นดั่งเชื้อเพลิงที่ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าจะทำทัพนาวานี้ไหว


“ว่าไง”


“ตกลง”


ข้อเสนอบรรลุแต่โดยง่าย  ฮันบินนึกกลัวขึ้นมาอีกระรอกเมื่อรู้ว่าคืนนี้เขาต้องเจอกับอะไรบ้าง


“มินโฮ  แก้มัดที่มือหน่อย”


เขาหลับตา  ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปถึงคนบนสวรรค์  คำพูดของเสี่ยที่เคยเปรยไว้ว่าจีวอนเป็นคนน่าสงสารย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง


หากเซ็กซ์คือการบำบัดโรคทางจิตใจ  คนอย่างผมก็ทำได้เพียงเท่านี้นะครับท่าน






///////





ฮันบินจำไม่ได้แล้วว่าเขาปลดปล่อยออกมาเป็นรอบที่เท่าไร  เขาทิ้งตัวลงที่พื้นพรมอย่างอ่อนแรง  ทั้งสองหนุ่มใช้เขาได้คุ้มค่าราคาจริงๆ


“อย่าเพิ่งเหนื่อยสิ ลุกมานี่” แขนเรียวถูกรั้งให้ลุกขึ้น  จีวอนนั่งอยู่บนโซฟาหลังจากพักยกดูเขากับมินโฮร่วมรักกันบนพื้นเมื่อครู่  ฮันบินจำต้องคลานเข่าเข้าไปหา  รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร  “ใช้ปากหน่อย”


เขาตวัดตามองคนออกคำสั่งอย่างชิงชัง  แต่ก็ยอมรูดรั้งสัดส่วนอ่อนไหวที่ผ่านการใช้งานมาแล้วค่อนคืนแต่โดยดี  ฮันบินใช้ลิ้นตวัดเลียส่วนปลายที่มีหยาดหยดของความใคร่ปริ่มออกมา  ก่อนจะไล้ไปสุดความยาว  ริมฝีปากอิ่มรับส่วนหัวเข้าไปแล้วดูดแรงๆ  จีวอนครางต่ำในลำคออย่างพอใจ  ทั้งยังเผลอเอามือจิกเส้นไหมบนศีรษะเขาอย่างลืมตัว


“อื้อ” ร่างเพรียวเผลอร้องอย่างตกใจเมื่อสะโพกอวบอิ่มถูกยกขึ้นจนตอนนี้อยู่ในท่าคุกเข่า 


มินโฮไม่ปล่อยให้จีวอนสนุกเพียงลำพัง  หลังจากปรับอัตราลมหายใจของตัวเองได้ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นมาร่วมวงด้วย  เขาแหวกเนินเนื้อนิ่มที่โดนขยำจนเป็นรอยแดงออก  ส่งเรียวลิ้นเข้าไปทักทายรอบจีบพับแดงชื้นที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วงในคืนนี้  ฮันบินร้องเสียงหลงที่ฟังไม่ได้ศัพท์  ส่วนหนึ่งเพราะความเสียวซ่านที่เล่นงาน  และอีกส่วนเพราะริมฝีปากของตัวเองกำลังปรนนิบัตินายน้อยตระกูลคิมอยู่


มือหนาของมินโฮเอื้อมไปรูดรั้งให้กามารมณ์ทำงานอย่างต่อเนื่อง  พอๆ กับที่จีวอนสวนสะโพกเข้ามาในปากจนลึกสุดคอ  เล่นเอาเด็กน้อยไอโขลกเพราะสำลัก  แววตาฉ่ำหยาดน้ำของฮันบินยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ในตัวของสองหนุ่มให้พุ่งขึ้นไปอีก


จีวอนจัดแจงสวมถุงยางแล้วยกฮันบินขึ้นมานั่งบนตัก  เอวบางถูกกอดเอาไว้แล้วลูบไล้ไม่หยุด  พอๆ กับริมฝีปากร้อนที่ระดมจูบที่ทั่วแผ่นหลังจนเสียงครางหวิวเล็ดรอดออกมา


“นั่งลงไป” ฮันบินนิ่วหน้ากับคำสั่งที่ได้รับ  จีวอนไม่เคยอ่อนโยนเลย  ผิดกับมินโฮลิบ 


เด็กหนุ่มจับสัดส่วนของจีวอนเอาไว้แล้วค่อยๆ กดสะโพกลงไป ครั้งนี้ไม่เจ็บเท่าครั้งแรก  ขนาดของจีวอนไม่ได้ใหญ่เท่ามินโฮแต่ยาวกว่า  ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ทำเขาจุกได้ทุกที


“ช่วยหน่อยครับ” มินโฮเดินมาใกล้ๆ แล้วลูบผมเขาอย่างเอ็นดู  ฮันบินช้อนตามองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ต่างกับตอนโดนจีวอนกอดลิบลับ  มือเรียวเอื้อมไปปลุกเร้าให้แต่โดยดี


เห็นเพื่อนสนิทยิ้มหวานแบบนั้นแล้วจีวอนก็ยิ่งหมั่นไส้


เขากระแทกแรงๆ เข้าไปในร่างกายนุ่มนิ่มนี่ทันที  ฮันบินหลุดเสียงร้องอย่างตกใจกับการขยับที่ไร้ที่มาที่ไป  มือหยาบจับสะโพกกลมกลึงเอาไว้แน่นแล้วออกแรงบังคับให้เด็กน้อยขยับตัว  ร่างกายของฮันบินเผลอเกร็งเพราะความตกใจ  ช่องทางคับแคบก็ยิ่งบีบรัดคนที่เป็นฐานรองหนักเข้าไปใหญ่  จีวอนสูดปากอย่างพอใจแล้วเร่งจังหวะขึ้นอีก


“อ๊ะ อ๊ะ อื้อออ”


จีวอนเปลี่ยนท่าให้ฮันบินนอนราบลงไป  สอดมือไว้ใต้ขาแล้วแทรกกายเข้าไปอีกครั้ง  ความคับแน่นทำให้คุณชายคิมครางครึมอย่างสุขสม  ก่อนจะเริ่มขยับกายเข้าออกอย่างเชื่องช้าแต่ลึกและรุนแรงจนเด็กน้อยสั่นสะท้าน  มินโฮที่มองอยู่ยกยิ้มอย่างนึกขัน  เดินเข้าไปหาตุ๊กตามีชีวิตแล้วจับน้องน้อยของตัวเองไล้วนไปทั่วดวงหน้าน่ารักนั่น  ทิ้งคราบน้ำเอาไว้ประปรายจนอดไม่ได้ที่จะก้มลงทำความสะอาดให้ด้วยลิ้น


พวกเขาแลกจูบกันอย่างหนักหน่วง  ฮันบินเอื้อมมือมาคล้องคอมินโฮไว้ในขณะที่ร่างกายส่วนล่างยังรับใช้ชายหนุ่มอีกคนอย่างซื่อสัตย์  มินโฮเคล้าคลึงยอดอกสีสวยของฮันบินไปด้วย  หนักบ้างเบาบางสลับกันไป  เล่นเอาคนที่นอนอยู่จัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้  ร่างกายของเขาถูกกระตุ้นพร้อมๆ กันมากเกินไป  จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้งแม้ปราศจากการแตะต้องจากมือใคร


จีวอนถอนตัวออกมา  บุ้ยปากให้มินโฮมาแทนที่ซึ่งเพื่อนสนิทก็รับไม้ต่ออย่างรู้งาน  ร่างสูงสวมถุงยางอย่างรวดเร็วแล้วจับฮันบินนอนบนพื้นด้านล่างแล้วตะแคงข้าง  สอดใส่เข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า  กระแทกแรงๆ บ้างให้อีกฝ่ายร้องเสียงหลง  ริมฝีปากอิ่มอ้าเผยอราวจะขาดใจ  จีวอนจัดแจงให้น้องชายเข้าไปอยู่ในปากสีแดงฉ่ำนั่นอีกครั้ง  แต่ฮันบินไม่เหลือแรงมากพอจะทำอะไรได้อีกแล้ว  ได้แต่ปล่อยให้แรงกระแทกจากด้านหลังส่งมาถึงริมฝีปาก


พวกเขาผลัดเปลี่ยนเวียนหมุนกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรุ่งสาง  ฮันบินที่ร่างกายถึงขีดจำกัดแล้วสลบคาอกของจีวอนยามที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งสุดท้าย  ใบหน้าหวานซีดเซียวและเต็มไปด้วยเหงื่อ  ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแดงจากการดูดดึงของทั้งเขาและมินโฮ


“สุดท้ายเงินก็ซื้อได้ทุกอย่างแม้แต่คนที่คนที่ป๊าบอกว่าซื่อสัตย์เสียยิ่งกว่าใคร” จีวอนพึมพำเบาๆ  ดวงตาคมจ้องมองดวงหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียพ่อ  และตอนนี้ก็ยังเป็นเมียเขา  รวมไปถึงเป็นเมียของเพื่อนเขาด้วย


“กูว่าคราวนี้มึงเล่นแรงไปหน่อย” มินโฮที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วหันมาบอก


“ทำอย่างกับมึงไม่เคยแชร์ผู้หญิงกับกูแบบนี้”


“มึงก็รู้ว่าเด็กนี่ทำแบบนี้ทำไม” ร่างสูงว่า  แต่แล้วก็ยักไหล่  “คนนี้เด็ดก็จริง  แต่คราวหน้าก็คงต้องขอบาย”


“ทำไม”


“สงสาร  จ้องตามากๆ แล้วรู้สึกตัวเองชั่วช้าพิกล” จีวอนนิ่งไป  พยายามไม่เก็บคำพูดเพื่อนมาคิดให้เป็นอารมณ์  “มึงจะกลับเลยหรือเปล่าจีวอน”


“อืม” เขาพยักหน้า  หยิบเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้ส่งๆ ขึ้นมาสวมบ้าง  มินโฮช้อนตัวคนที่สลบไปแล้วขึ้นมานอนดีๆ บนเตียง  แต่งตัวให้เสร็จสรรพ  แล้วมอบจุมพิตหน้าผากมนอย่างเอ็นดู


จีวอนที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  เขาเป็นคนจ่ายเงินหนึ่งล้านดอลล่าร์เพื่อรังแกตุ๊กตาตัวนี้  เหตุใดเพื่อนสนิทของเขาจึงอ่อนโยนกับอีกฝ่ายแบบนั้น


“แต่กูจะเอาฮันบินกลับไปด้วย”


มินโฮหันมามองอย่างสนเท่ห์  จีวอนไม่ได้ตอบคำถามในดวงตาคู่นั้น  แต่เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็ยื่นกุญแจรถให้เพื่อนไปเปิดประตูให้  พร้อมทั้งอุ้มคนที่หลับไปเพราะโดนรังแกอย่างหนักพาดบ่า


“ขอบใจมาก” จีวอนตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แล้วเข้าไปยังที่นั่งคนขับ  ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปท่ามกลางตะวันที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า


มินโฮยิ้มบางแล้วส่ายศีรษะไปมา  จีวอนน่ะรู้ตัวที่ไหนกันว่ามันพูดถึงเมียน้อยของพ่อคนนี้มาสามปีกว่าแล้วแม้จะพบกันแค่ครั้งเดียวก็ตาม  ร่างสูงบิดกายไปมาเพื่อไล่อาการเมื่อยขบ  แล้วลากสังขารขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง  ให้ตายเขาก็ไม่บอกมันหรอก  ปล่อยให้คิดเอง  ระหว่างนี้เขาก็จะหากำไรจากร่างนุ่มนิ่มนั่นสักหน่อยจนกว่าเพื่อนจะรู้ตัวไปเรื่อยๆ แล้วกัน


สนุกดี




END





Let's talk

ได้โปรดอย่ามองอลจ.ด้วยสายตาแบบนั้น  ;-;
คอมเมนท์ในนี้ก็ได้ หรือถ้าสะดวกทวีตก็ #ฟิคอลิส ค่ะ

อลจ.