December 08, 2015

MarkNior | Before We Burn Down

BEFORE WE
BURN DOWN.




















คุณไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำหลังจากจูบมาราธอนของเราสิ้นสุดลง  มีเพียงนัยน์ตาหวานเชื่อมที่บอกกล่าวทุกความใจในให้ผมได้รับรู้  ยามที่คุณค่อยๆ ทอดตัวลงบนเตียงกว้างพร้อมกับริมฝีปากบวมช้ำที่เผยอออก  ผมก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคุณกำลังเรียกร้องอะไร



“อ่า...”



คุณครางหวานยามเมื่อผมขบเม้มไปตามผิวเนื้อ  ไล่ตั้งแต่ใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด  ต้นคอที่คุณพรมน้ำหอมผู้ชายเอาไว้บางเบา  จนกระทั่งลาดไหล่ที่คุณเปรยว่าไม่เคยมั่นใจ  ผมตีตราจองทุกอณูพื้นผิวราวกับนักล่าอาณานิคม  รอยสีแดงช้ำและคมเขี้ยวไม่ต่างอะไรกับธงสัญลักษณ์ที่ปักปันไว้เพื่อบอกคนอื่นว่านี่คือเมืองขึ้นของผม



ของมาร์คต้วนคนนี้



ผมจูบคุณอีกครั้ง  ริมฝีปากของเราบดเบียด  เรียวลิ้นของเราเสียดสี  เราหยอกล้อซึ่งกันและกันอย่างรู้จังหวะ  คุณจูบผมบ้าง  ผมจูบคุณตอบ  รสเค็มปร่าของเลือดเจือมาในน้ำลายที่เราแลกเปลี่ยนกัน  คุณเอ่ยปากขอโทษในสิ่งที่คุณตั้งใจ  ผมได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจูบคุณให้ลึกซึ้งกว่าเดิม  คุณน่ะชอบเล่นเกมแรง  ผมรู้ดี  ทำไมผมจะไม่รู้ในเมื่อเรานอนด้วยกันมาเป็นสิบๆ ครั้ง



“ถอดเสื้อหน่อย” ผมกระซิบ  ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นเพราะจูบแสนดูดดื่มที่เพิ่งจบลง  คุณเผยอปากหอบเพราะหายใจไม่ทันในขณะที่สองมือเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทของตัวเอง  ผิวสีน้ำนมที่มีรอยแดงประปรายปรากฏขึ้นในสายตา  ยังไม่ทันที่เสื้อจะหลุดออกจากตัว  ผมก้มลงไปครอบครองส่วนที่ชูชันสู้สายตานั่นทันที



คุณเผลอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน  เอวบางบิดน้อยๆ เพราะความรู้สึกข้างในที่ตีรวน  คุณเกลียดเสมอยามผมทำตัวเป็นทารกที่หัดดื่มนมจากอกมารดา  แต่คุณก็ชอบใจทุกครั้งที่ฟันคมๆ ของผมเสียดสีกับยอดอกของคุณ  เปล่าเลย  คุณไม่เคยบอกหรอก  คุณมันพวกปากแข็ง  แต่ร่างกายของคุณโกหกได้ที่ไหน  ทุกการตอบสนองของคุณสารภาพหมดทุกอย่างว่าคุณชื่นชอบมันมากแค่ไหน



ที่รัก  ร่างกายของคุณกำลังเรียกร้องผม
มันกำลังต้องการให้ผมเข้าไปเติมเต็ม



“ม..มาร์ค  พอแล้ว” คุณเอ่ยห้าม  นัยน์ตาฉ่ำไปด้วยน้ำและแรงปรารถนาที่ถูกโหมให้กระพือ



ผมดึงเสื้อของคุณออก  แล้วหันไปจัดการกับกางเกงสแลคสีดำสนิท  ปลดเข็มขัดราคาแพงระยับนั่นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี  ค่อยๆ รูดซิปลง  แล้วคลึงมือทักทายกับสัดส่วนที่เริ่มตื่นตัว  คุณครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ  เอวบางร่อนไปมาแทบไม่ติดเตียง 



ไม่รู้เคยมีคนบอกคุณไหม  แต่ใบหน้าของคุณยามที่มีอารมณ์แม่งโคตรจะเซ็กซี่



“เรามีเวลาเท่าไหร่” ผมถามคนที่สติเริ่มหลุดไปเรื่อยๆ



คุณนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ  “น่าจะสักชั่วโมง”



“งั้นน่าจะได้สักสองรอบ” ผมพยักหน้าเรียบๆ  ต่างจากคุณที่แก้มทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงปลั่ง  คุณพยายามจะไม่เขิน  แต่ร่างกายของคุณช่างทรยศ 



ผมมองคุณออกหมดแหละครับมิสเตอร์ปาร์ค



อารมณ์ของคุณและผมถูกโหมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ  คุณเป็นแม่เหล็กขั้วบวก  ส่วนผมก็เป็นขั้วลบ  ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราสองคนจะดึงดูดกันและกันมากขนาดนี้  ผมปลดเปลื้องเสื้อผ้าคุณออกจนหมด  ผิวของคุณตัดกับผ้าปูที่นอนสีคราม  ผมถอดเสื้อออกบ้าง  สายตาคมโลมเลียและสำรวจไปทุกสัดส่วนของคุณ  ที่รัก  คุณดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าครั้งที่แล้วที่เรากอดกันนะ  แต่ผมไม่ว่าอะไรหรอก  การได้กอดคุณแบบเต็มไม้เต็มมือเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขเสมอ



“จะจ้องอีกนานไหม” คุณต่อว่าไม่จริงจังนัก  คุณไม่ได้โกรธที่ผมผลาญเวลาที่มีอยู่น้อยนิดเล่นหรอก  แต่คุณเขินจนต้องหาอะไรมากลบเกลื่อนต่างหาก  ผมมองต่ำ  กล้ามแขนของคุณแน่นขึ้นแบบคนเพิ่งเริ่มออกกำลังกาย  มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะฝังเขี้ยวลงไปหยอกเย้า



“มาร์ค มันเจ็บ!” คุณร้อง  พยายามดันศีรษะผมออกไป



ผมหลุดเสียงหัวเราะแล้วกดจูบแรงๆ ที่มุมปากคนขี้โวยวายหนึ่งที  “ก็นึกว่าชอบอะไรเจ็บๆ”



คุณชะงัก  แก้มใสที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่  ผมยกยิ้มแล้วฉุดมือคุณให้ลุกขึ้นนั่ง  คุณอิดออดเล็กน้อยตอนที่ผมยกตัวคุณมานั่งคร่อมบนตัก  แต่ทันทีที่เราจูบกันคุณก็เลิกประท้วง  มือของคุณน่ะซนเป็นไหนๆ  มันแปะป่ายไปทั่วศีรษะและกล้ามท้องของผม  เช่นเดียวกับนิ้วมือของผมที่เริ่มต้นทำหน้าที่ของมัน



“อ๊ะ” คุณเผลออุทานเม่ือผมแทรกนิ้วเข้าไป  ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวจากสิ่งแปลกปลอมฝืดเคืองเพราะไร้สารหล่อลื่น  คุณขยับตัวอย่างอึดอัด  สะโพกของคุณบดเบียดอยู่กับตัวตนของผม  ไม่รู้ว่าตั้งใจไหม  แต่อากัปกริยาเหล่านั้นก็ทำให้ผมต้องสูดปากด้วยความเสียวซ่าน



คุณน่ะเก่งเหลือเชื่อเลยเรื่องทำให้ผมคลั่งไคล้



ผมแทรกนิ้วเพิ่มเข้าไป  ริมฝีปากก็ไล่จูบตั้งแต่หน้าอกจรดปลายคาง  คุณสะบัดหน้าขึ้น  สันกรามที่ผมชื่นชอบเด่นชัดจนอดไม่ได้ที่จะพรมพร่ำรอยจูบลงไป  ลิ้นร้อนแลบเลียไม่ต่างไปจากสุนัขขี้อ้อน  ร่างกายของคุณให้รสชาติที่ดี  กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำยังติดแน่นอยู่ที่ผิว  ยิ่งเมื่อผสานกับเหงื่อของคุณมันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ดิบของผมมากขึ้นไปอีก 



ที่รัก  ผมมองหน้าคุณ  จ้องลึกลงไปยังดวงตากลมสีรัตติกาล  บางครั้งคุณก็ให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาแก้วที่หากผมสัมผัสแรงเกินไปคุณก็จะแตกสลาย  แต่คุณก็ทำให้ผมอยากถนอมและทำลายคุณไปพร้อมๆ กันในเวลาเดียว  ยามที่คุณขยับตัวขึ้นลงอย่างมีอารมณ์กับนิ้วของผม  ยามที่คุณเอาแต่เรียกชื่อผมซ้ำๆ  ยามที่คุณทอดกายลงบนเตียงและเรียกร้องให้ผมพาคุณไปยังฝั่งฝัน



ยามที่คุณเป็นเพียงปาร์คจินยอง  ไม่ใช่คุณชายปาร์ค - บุตรชายคนเล็กของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สุดกลุ่มหนึ่งของเกาหลีใต้ 
และผมเป็นเพียงมาร์ค  ไม่ใช่คุณต้วนอี้เอิน - บุตรชายคนโตของตระกูลคู่แข่งของคุณ












เราเจอกันโดยบังเอิญที่อิตาลีเมื่อสองปีก่อน  คุณกำลังวิ่งหนีบอดี้การ์ดตัวเองอยู่ยามที่เลี้ยวมุมมาชนผมจนล้มลง  ร่างกายของคุณทาบทับอยู่บนร่างกายของผม  ตาใสๆ แก้มยุ้ยๆ ของคุณทำให้ผมหายหงุดหงิดไปได้เล็กน้อยที่โดนคนแปลกหน้าทำให้บาดเจ็บ



“ขอโทษครับ” คุณเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเอเชีย  แต่คุณไม่แม้จะรอคำตอบรับ  ร่างโปร่งของคุณวิ่งแจ้นหายลับไปในแสงแดดที่แสนสดใสของเมืองฟลอเรนซ์  ผมนั่งงงอยู่ชั่วครู่จนกระทั่งเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของคุณที่ทำร่วงเอาไว้



“คุณอี้เอิน เป็นอะไรไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทที่เพิ่งกลับจากไปซื้อเครื่องดื่มอุทานเสียงดังเมื่อเห็นผมพยุงตัวขึ้นจากพื้น  ผมโบกมือเล็กน้อย  สายตายังจดจ้องอยู่ที่ภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นรูปกรงนกและพิราบสีขาวที่อยู่ข้างใน  ผมมองตามวิถีที่คุณหายตัวไปอีกครั้ง  ทันเห็นชายชุดดำสามสี่คนวิ่งตามไปอยู่ไหวๆ  ไม่รู้ทำไม  แต่ลึกๆ ผมเริ่มกลัวว่าคุณจะถูกฆ่าตาย  ผมไม่ใช่คนที่จะใส่ใจเรื่องของคนแปลกหน้าหรอกนะ  แต่นัยน์ตาของคุณมันยังติดตรึงอยู่ที่ม่านตาของผม



และถ้าเป็นไปได้ผมอยากคืนโทรศัพท์เครื่องนี้ให้คุณด้วยตัวเอง



อาจเพราะอิตาลีกว้างเกินไป  และโลกก็ไม่เคยเหวี่ยงบุรุษแปลกหน้าให้โคจรมาเจอกันอีก  คุณจึงกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ลางเลือนจนเสมือนจะไม่มีอยู่จริง 



จวบจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีก่อน



คุณเดินเข้ามาในร้านกาแฟเล็กๆ ที่ผมชอบหลบมาคิดงาน  คุณสั่งคาปูชิโน่เพิ่มช็อตกับพนักงานก่อนจะสอดส่ายสายตาหาที่ว่าง  โชคร้ายที่ทุกโต๊ะเต็มหมดแล้ว  แต่โชคดีที่เราได้สบตากัน  ทีแรกผมจำคุณไม่ได้หรอก  ผมสารภาพ  หน้าม้าที่เคยยาวจนเสมอคิ้วถูกเซ็ทให้เป็นทรงเท่ๆ  คุณไม่ได้สวมเพียงเสื้อยืดสีเหลืองสดและกางเกงสามส่วนสีครีมอีกแล้ว  แต่คุณสวมสูทเต็มยศ  หน้าตาก็หล่อเหลาจนพนักงานหญิงในร้านแอบอมยิ้มด้วยความขวยเขิน



ผมผายมือ  เชื้อเชิญให้คุณนั่ง  คุณทำท่าคิดเล็กน้อย  พอดีกับที่กาแฟร้อนที่คุณสั่งแบบทานในร้านพร้อมเสิร์ฟ  คุณจึงไม่เหลือทางเลือกมากนักนอกจากเดินมานั่งตรงข้ามผม



“รบกวนหน่อยนะครับ” คุณพูดกับผมด้วยภาษาเกาหลีฉบับสุภาพ



ผมยิ้มรับ  เคลียร์พื้นที่โต๊ะให้โล่งมากพอที่จะวางแก้วกาแฟหนึ่งแก้ว  ผมลอบมองเสี้ยวหน้าคุณเนิ่นนานจนกระทั่งคุณเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ  คิ้วเข้มเลิกน้อยๆ แทนคำถามว่ามีปัญหาอะไรไม่ทราบ



เราสบตากัน
ผมอมยิ้ม
และตัดสินใจถามคำถามที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างคุณกับผม 



“คุณเคยทำมือถือหายที่อิตาลีไหมครับ?”
















คุณบอกผมว่าชื่อจินยอง  ผมแนะนำตัวเองว่ามาร์ค



คุณชอบมิเกลลันเจลโล  ผมชอบดาวินชี



คุณว่าคุณสนใจงานด้านแฟชั่น  แต่บ้านของคุณประกอบธุรกิจทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณชื่นชอบเลย  ผมยิ้มๆ  บอกคุณไปบ้างว่าผมอยากเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลในเอ็นบีเอ  แต่ความฝันของผมดับลงตั้งแต่ความสูงที่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร



คุณไม่ได้ชื่นชอบคาปูชิโน่  แต่เพราะเบื่อเอสเพรสโซ่ที่กินเป็นประจำเลยสั่งเมนูนี้  ส่วนผมน่ะไม่เคยดื่มอย่างอื่นนอกเสียจากอเมริกาโนเย็นไม่ใส่ไซรัป



คุณกับผมไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย  แต่บทสนทนาของเรากลับลื่นไหลตลอดหนึ่งชั่วโมง



ผมก้มหน้าพิมพ์ข้อความบอกให้เลขายกเลิกตารางงานเย็นนี้ทั้งหมด  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคุณที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเช่นกัน



“ถ้าเย็นนี้คุณจินยองว่าง  ไปทานข้าวกันไหมครับ”



คำตอบของคุณคือรอยยิ้มที่ระบายกว้างทั้งในม่านตาและริมฝีปาก













เราพบกันอีกสามสี่ครั้งหลังจากนั้น  คุณยังเป็นคุณ  ผมยังเป็นผม  แต่บรรยากาศบางอย่างบ่่งบอกได้ว่าความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘เรา’ กำลังถูกถักทอขึ้นเรื่อยๆ  คุณเหมือนหนังสือที่ไม่มีวันอ่านจบ  ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งได้เรียนรู้แง่มุมใหม่ๆ  ผมสนุกเสมอกับการได้รู้จักคุณเพิ่มขึ้นทุกวัน  ผมคิดว่าผมชอบคุณ - ชอบคุณมากๆ -  จนกระทั่งคุณจูบผมในค่ำคืนนั้นแทนการกล่าวราตรีสวัสดิ์  ผมถึงได้รู้ว่านอกจากชอบแล้วผมยังต้องการคุณมากไม่ต่างกัน



รถเก๋งญี่ปุ่นที่ให้ลูกน้องเช่ามาขับกลายเป็นโรงแรมชั่วคราวเมื่อขีดอารมณ์ของคุณและผมพลุ่งพล่าน  ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นในรถยนต์ที่จอดเทียบอยู่ข้างสวนสาธารณะในเวลาตีสอง  คุณร้อนแรงจนผมเจียนบ้า  เสียงของคุณ  สายตาของคุณ  ร่างกายของคุณ  ทุกอย่างเป็นดั่งโซ่เหล็กที่ล่ามให้ผมถอนตัวไปจากคุณไม่ได้



ผมตกหลุมรักคุณ
ผมพูดได้อย่างเต็มปาก



เรากอดกันในพื้นที่แคบๆ จนกระทั่งแสงแรกของวันเริ่มเรืองรอง  คุณเป็นเหมือนฝันดีที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอในชีวิตนี้  เราจูบกันอีกครั้งก่อนจะโบกมือลา  แยกย้ายกลับไปยังที่ที่เราจากมา



ก่อนที่คุณจะกลายเป็นฝันร้ายเพียงชั่วข้ามคืน



“นั่นปาร์คจินยอง  ลูกชายคนเล็กของปาร์คกอนจุน” เสียงบิดาที่กระซิบอยู่ข้างๆ แทบไม่ได้ดังลอดเข้าไปในหู  ผมเหมือนคนที่สูญเสียความรู้สึกไปหมดแล้วนับตั้งแต่เห็นคุณเดินเข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับคนในตระกูลที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของบ้านผม  คุณมองกลับมา  เราสบตากัน  สายตาของคุณเบิกกว้างไม่ต่างไปจากผม  ก่อนจะกลับมาราบเรียบเช่นผืนน้ำที่เบื้องล่างซัดสาดไปด้วยเกลียวคลื่น



เราไม่รู้  ไม่เคยรู้



“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณเป็นใคร” คุณแทบจะตะโกนใส่หน้าผมอยู่แล้วยามที่เราแอบมาเจอกันที่ห้องน้ำ  ใบหน้าของคุณบิดเบี้ยวด้วยความโกรธไม่ต่างไปจากผม



“นั่นคือคำถามของผมเหมือนกัน” 



คุณสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนหันหลังหนี  ผมเสยผมตัวเองอย่างหงุดหงิด  พยายามใจเย็น  เหลือบมองกระจกซึ่งสะท้อนภาพใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยความกังวล  ด้วยสถานะของเราในยามนี้ไม่มีทางเลยที่เราจะคบกันได้  ตัดเรื่องงี่เง่าจำพวกรักร่วมเพศออกไปเลย  แค่เป็นเพื่อนร่วมโลกยังเป็นไปได้ยากด้วยซ้ำ



“จินยอง  ผมไม่อยากเสียคุณไป” ผมเดินเข้าไปใกล้  ซบหน้าลงกับหลังพลางรั้งคุณมากอดไว้  ก่อนที่ริมฝีปากจะยกยิ้มเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งซื้อให้จากร่างกายของคุณ



คุณยืนนิ่ง  ท่าทีหนักใจ  แม้จะลังเลแต่ก็ดูโน้มเอียงมาทางผมอยู่มาก



ผมจูบคุณที่หลังคออย่างย่ามใจ  ร่างกายของคุณขืนเกร็งขึ้นมา  ผมจูบคุณอีก  คราวที่ไล่ขึ้นตั้งแต่ต้นคอจรดติ่งหู  มือไม้ของคุณอ่อนระทวย  ไร้การต่อต้าน  จวบจนเราสองแลกเปลี่ยนเรียวลิ้นกันอย่างดูดดื่มราวกับลืมความจริงทุกอย่างนั่นแหละ   ทางออกของปัญหาก็ราวจะถูกเฉลยออกมาอย่างง่ายดาย



คุณคือไฟ
ผมคือน้ำมัน



เมื่อไฟรักของเราถูกจุดขึ้นมาแล้ว  อะไรก็แยกเราสองคนจากกันไม่ได้



ไม่มีวัน













ผมเร่งจังหวะการขยับนิ้วของตัวเองให้เร็วขึ้น  แนบกลีบปากลงบนเนินเนื้อหนั่นแน่น  ใบหน้าของคุณจมอยู่ที่หมอนใบเขื่องจนผมมองเห็นไม่ถนัด  ร่างกายของคุณทอดโค้งราวกับสายรุ้ง  เรียวขาที่รับน้ำหนักสั่นระริกทุกครั้งที่ปลายนิ้วของผมกระแทกโดนจุดกระสันที่ซ่อนลึกอยู่ภายใน



“มาร์ค” คุณคราง  ทิ้งตัวนอนหงายหายใจหอบเมื่อผมถอนนิ้วออกไปแล้วแต่ยังไม่ลงมือทำอะไรต่อสักที  ผมยกยิ้ม  เอื้อมมือไปหยิบของฝากจากญี่ปุ่นมายื่นให้คนตรงหน้า  คุณขมวดคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจ



“ลองช่วยตัวเองให้ดูหน่อยสิ”



“….”



“คุณเซ็กซี่ที่สุดตอนที่สัมผัสตัวเอง  รู้ตัวไหม”



คุณไม่ตอบรับ  ไม่แม้แต่จะยื่นมือมารับของฝากไปจากผม  มีเพียงสายตาขุ่นมัวที่ทอดมองมาเท่านั้น  หัวใจผมเต้นแรง  ไม่แน่ใจว่าคราวนี้ขอคุณมากเกินไปหรือเปล่า  จนกระทั่งคุณยกยิ้มที่มุมปากนั่นแหละ



“ได้  แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”



“อะไร”



คุณลุกขึ้นไปหยิบเทคไทที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา  ผลักผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะมัดมือผมเอาไว้  สายตาของคุณพราวระยับและเจ้าเล่ห์ไม่หยอกยามเอ่ยบอกกติกา  “ในเมื่อขอให้ทำให้ดูก็มีสิทธิ์แค่ดูนะ”



ผมหลุดหัวเราะ  แต่จะยอมเล่นไปตามเกมของคุณสักตั้ง



คุณคลานกลับไปบนเตียง  ดวงตาล็อกอยู่ที่ผม  ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้ตัวเองไปมา  เริ่มตั้งแต่ใบหู  ริมฝีปากแดงช้ำ  คอ  ไหล่  ลำตัว  ไปจนสัดส่วนอ่อนไหวที่เริ่มเปียกชื้น  คุณอ้าปากหายใจหอบ  ส่งเสียงครวญครางที่คุณบอกว่าน่าอายแต่กลับเร้าอารมณ์คนฟังอย่างเหลือเชื่อออกมาไม่หยุดปาก  หัวใจของผมเต้นแรงยามที่คุณค่อยๆ สอดใส่ของเล่นเข้าไปในช่องทางของคุณ  ใบหน้าของคุณบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน  คุณเรียกชื่อผมซ้ำๆ จนกระทั่งมันสอดเข้าไปได้หมด  คุณเริ่มขยับตัว  นัยน์ตาปรือปรอยมองผมอย่างเชื้อเชิญ  ริมฝีปากอิ่มถูกขบกัดด้วยฟันขาว  ลมหายใจของคุณถี่กระชั้นทุกครั้งที่ยกตัวขึ้นลง



คุณกำลังทำให้ผมเป็นบ้า
ปาร์คจินยองตอนสัมผัสตัวเองคือสุดยอดของความน่าคลั่งไคล้



ผมเริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดพันธนาการ  ยิ่งคุณร้องดังมากขึ้นเท่าไรหัวใจผมก็แทบวายมากขึ้นเท่านั้น  จนกระทั่งความพยายามสัมฤทธิ์ผล  ผมผลักคุณให้นอนราบ  ดึงของเทียมที่ไร้ชีวิตออกก่อนจะแทรกของจริงที่สั่นระริกเข้าไปแทน  คุณหวีดยาว  อ้าปากค้างเพราะจังหวะเกมที่เปลี่ยนเร็วเกินไป



“อ้าขากว้างๆ จะได้ไม่เจ็บ” ผมบอก  คุณพยักหน้า  พยายามทำตามแม้ว่ามันจะน่าอาย  ผมสอดแขนเข้าไปใต้ขาของคุณแล้วค่อยๆ ขยับตัว  ร่างกายของเราสั่นคลอน  คุณบีบรัดผมแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  จังหวะลมหายใจของเราสอดประสาน 



ผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนอนราบลงกับเตียง  ไม่ต้องบอกให้มากความคุณก็รู้ว่าผมต้องการอะไร  เราจูบกันอีกครั้งก่อนที่คุณจะปีนขึ้นไปนั่งบนร่างกายผม  วินาทีที่คุณกลืนกินผมเข้าไปคือวินาทีที่วิเศษที่สุด  คุณขยับตัวขึ้นลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมตามร่างกายจนเปียกลื่น  สัมผัสเฉอะแฉะฟังดูหยาบโลนยามที่เนื้อกระทบกัน  แต่ผมกลับชอบมันมากกว่าซิมโฟนีหมายเลขห้าที่คุณโปรดปรานเสียอีก 



“จินยอง  จินยอง  อ่า...” ผมครวญคร่ำแต่ชื่อคุณ  เรากกกอดกันและกันยามแทรกตัวเข้าไปจนลึก  คุณทิ้งรอยฟันเอาไว้บนไหล่ของผมเพื่อระบายความอัดอั้นในอก  กลีบปากอิ่มตึงช้ำยังคงส่งเสียงหวานหูไม่หยุด



“มาร์ค  อีก.. อ๊ะ..มาร์ค”



ผมไม่รู้ว่าคุณเรียกร้องอะไร



ลึกอีก แรงอีก หรือเร็วอีก 



แต่ผมก็สนองให้คุณทั้งหมด



จนกระทั่งช่วงเวลาที่เราหลอมรวมเป็นหนึ่ง  คุณปลดปล่อยออกมาก่อน  ผมรีบเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นจนสองเสียงผสานไม่เป็นภาษา  จากนั้นจึงตามคุณไปติดๆ



เราหายใจหอบ  ทิ้งตัวลงนอนข้างกันอย่างหมดแรง  เกมรักของเราร้อนแรงเสมอ



“เหลือเวลาเท่าไหร่”



คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา  “อีกยี่สิบนาที”



ผมลุกขึ้นนั่ง  แม้จะยังเหนื่อยอยู่แต่เป้าหมายที่ตั้งไว้ยังไม่ลุล่วง  ผมพรมจูบไปบนข้อเท้าของคุณ  ไล่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงต้นขา  คุณนอนมองทุกการปรนนิบัติจากผมด้วยแววตาขบขันระคนเอ็นดู  ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมไม่เคยทำให้ใครมากขนาดนี้  คุณเป็นคนแรก  และอาจจะเป็นคนเดียวที่ได้อภิสิทธิ์มากขนาดนี้  ไม่ใช่เพราะคนเกิดในตระกูลที่พรั่งพร้อมไปด้วยอำนาจและทรัพย์สิน  ไม่ใช่เพราะคุณคือคนสำคัญของวงการ



แต่เพราะคุณคือปาร์คจินยอง
ผู้ชายที่ผมยอมศิโรราบให้จนหมดหัวใจ














ผมเดินเข้ามาในงานเลี้ยงในอีกสามชั่วโมงต่อมา  ข้างกายซ้ายขวาเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดประจำตัว  เป็นครั้งแรกที่คุณชายต้วนมาออกงานแทนบิดาของตน  ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งจนไม่มีใครเดาออกว่าภายใต้หน้ากากนี้ซ่อนความรู้สึกอะไรไว้



“ขอบคุณที่มานะคะคุณมาร์ค” หญิงสาวเจ้าของงานยิ้มกว้างส่งมาให้  ผมรู้จักเธอมาก่อนในฐานะคู่ดูตัวเมื่อหลายปีก่อน  แต่เราเข้ากันไม่ได้ต่างคนก็เลยต่างไป  จนกระทั่งเธอเจอคนที่พร้อมจะลงเอยด้วยในที่สุด  “ขอบคุณที่มานะฮเยจิน”



ภรรยาของผมยิ้มให้อย่างมีจริต  เธอกล่าวอวยพรแด่คู่บ่าวสาวก่อนจะสวมกอดเจ้าหญิงของค่ำคืนนี้อย่างแนบแน่นตามประสาคนเป็นเพื่อนกัน



ผมยิ้มก่อนจะเสตาไปมองเจ้าบ่าวรูปหล่อที่ยืนอยู่ข้างกัน  “ยินดีด้วยนะครับ”



“ขอบคุณตระกูลต้วนที่ให้เกียรติมางานแต่งของเรานะครับ”



“แน่นอนสิครับ  ผมจะไม่มาได้ยังไง”



หญิงสาวยิ้มกว้างพลางซบหน้าลงกับท่อนแขนของว่าที่สามี  “นี่มาร์คไม่เคยเจอแฟนเรามาก่อนใช่ไหม”



ผมยิ้ม  พร้อมกับยื่นมือออกไปรอรับสัมผัส  “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”



ฝ่ามือของเจ้าบ่าวยื่นมาสัมผัสกับผม



ผมเงยหน้า  นัยน์ตาพราวระยับและเต็มไปด้วยนัยยะซ่อนเร้น



“ยินดีเช่นกันครับ”



คุณยิ้ม
ยิ้มซึ่งมีผมเพียงคนเดียวในโลกที่ได้รับ






END







Let's TALK!

ทดลองเป็นมาร์คต้วนกันเถอะ  อิอิ  คุยกันใน #ฟิคอลจ ค่าาาา~


อลจ.
151206

November 02, 2015

JACKBAM | Tongue Tied

 #1เพลง1คู่

รับโจทย์มาจาก @mithunajunejune

Tongue tied - Grouplove | https://www.youtube.com/watch?v=1x1wjGKHjBI
แปล: http://www.aelitaxtranslate.com/2012/07/grouplove-tongue-tied.html


JACKSON x BAMBAM







แบมแบมไม่ได้เมา
เขามีสติครบถ้วนตอนที่หวังแจ็คสันขอเขาเป็นแฟนเมื่อสองปีก่อน


“อย่าเสียเวลาเลย ฉันรู้ว่านายก็ชอบฉัน” แอลกอฮอล์ในร่างกายดูจะมีฤทธิ์ร้ายแรงน้อยกว่าคนตรงหน้า ชายหนุ่มผลักแบมแบมไปติดกำแพง ริมฝีปากคลอเคลียกันอยู่ไม่ห่าง เสียงทุ้มเซ็กซี่ที่เขารักจับใจเร่งเร้าเอาคำตอบ “ว่าไงหนุ่มน้อย”


เขาตอบคำถามนั้นด้วยจูบอันร้อนแรง


เสียงเพลงยังคงดังลั่น
กลิ่นเหล้ายังคงคละคลุ้ง
ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไป
แต่โลกของ ‘พวกเขา’ หยุดหมุนแล้วตั้งแต่วินาทีที่เริ่มสัมผัสกันและกัน


“พรุ่งนี้ว่างมั้ย” แจ็คสันถามหลังจากผละริมฝีปากออกมาแล้ว


“จะชวนฉันไปเดตเหรอ”


“จะชวนกินข้าว แต่ถ้านายพอใจจะเรียกว่าเดตฉันก็ไม่ขัดข้อง”


“เลี้ยงหรือเปล่า?”


แจ็คสันทำท่าครุ่นคิดแล้วว่า “เลี้ยงก็ได้”


รู้ว่างี่เง่า แต่ก็คิดไม่ได้ว่าถ้าแจ็คสันอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนเขาไปตลอดก็คงดี
เขากำลังคาดหวัง
ใช่ กำลังคาดหวัง


.
.
.


แบมแบมเพิ่งรู้ว่าเวลาสองปีมันนานพอที่จะทำให้เขารักแจ็คสันจนหมดใจ
ในขณะที่อีกฝ่ายไม่เหลือเยื่อใยอะไรไว้ให้เขาเลย


เขาไม่ได้เมา
แบมแบมมีสติครบถ้วนดีตอนที่คนรักบอกว่าต้องการระยะห่าง
เพียงแค่เขาพูดอะไรไม่ออกเท่านั้นเอง


เสียงเพลงยังคงดังลั่น
กลิ่นเหล้ายังคงคละคลุ้ง
ปาร์ตี้ยังคงดำเนินต่อไป
แต่โลกของ ‘เขา’ หยุดหมุนแล้ว




FIN.



let's talk!

มิมิขอให้เขียนแจ็คแบมเพราะช่วงนี้นางองค์คู่นี้ โอเค จัดให้ ๕๕๕๕
ไม่รู้ว่า Challenge นี้ใครเริ่ม แต่สนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะ <3

AliceJay

July 08, 2015

MarkNior | Back Seat

BACK SEAT

MARK x JINYOUNG














ในคืนวันศุกร์หลังจากที่อดทนทำงานหนักมาตลอดทั้งสัปดาห์  จะมีอะไรดีไปกว่าพูลปาร์ตี้ที่เปิดเพลงตื้ดจังหวะเร้าใจ   สาวสวยที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเดินไปเดินมา  และเหล้าชั้นเลิศที่มีเสิร์ฟไม่อั้นตลอดงาน  
นอกเสียจากคุณคือ ‘มาร์คต้วน’ ผู้มาร่วมงานเพียงเพราะเถียงแพ้แฟนตัวเอง



ใช่ คุณคือมาร์คต้วน








คุณยกน้ำอัดลมขึ้นจิบแก้เซ็งในขณะที่ตั้งคำถามกับตัวเองเป็นรอบที่ร้อยว่ามานั่งทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่   ไม่ต้องถามว่าทำไมไม่ดื่มเหล้า   ลองมีแฟนเป็น ‘ปาร์คจินยอง’ สิ   แค่เห็นหมอนั่นเดินชนแก้วกับเขาไปทั่วงานคุณก็พาลหงุดหงิดจนกินอะไรไม่ลงแล้ว


สิ่งหนึ่งที่จินยองไม่เคยรู้คือคุณขี้หึงมาก


“มี้มีมี่มีเซ็กซี่มี~  ไอ้มาร์ค  ทำไมมึงไม่แดกเหล้า”  แจ็คสันที่หน้าแดงก่ำเดินมาตบไหล่คุณแล้วถามคำถามยอดฮิตประจำวัน   คุณถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย   คิดในใจว่าจะเขียนคำตอบลงไอแพดแล้ววางโชว์ไว้   หากใครถามก็จะทำเพียงแค่ชี้นิ้วไปด้านข้างเท่านั้น


สาบานจริงๆ ว่าถ้าไม่ใช่แจ็คสันคุณจะไม่ตอบคำถามนี้แล้ว


“กูขับรถมา  เดี๋ยวโดนจับ”


“ถ่อวววววว  กลัวไรว้า  เมาก็นอนบ้านกูดิเฮ้ย” แจ็คสันยื่นข้อเสนอ  เขาเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้คืนนี้   รวมถึงเป็นเพื่อนสนิทของคุณด้วย


ทว่าคุณกลับปฏิเสธอีกฝ่ายทั้งสีหน้าและน้ำเสียง  “ไม่ล่ะ  ขอบใจ”


“เฮ้ยมาร์ค  มึงทำแบบนี้กับกูไม่ได้นะเว้ย  มึงเป็นเพื่อนกูป่าวว้า   นี่กูอุตส่าห์จัดปาร์ตี้ฉลองที่แบมอุตส่าห์ยอมกลับมาคบกับกูนะเว้ย   มึงจะมานั่งหน้าเซ็งอยู่แบบนี้ได้ยังไง  คนเขาด่ากูกันทั้งงานแล้วว่าเลี้ยงเพื่อนไม่ดี”


คุณกลอกตาอย่างรำคาญแล้วเดินหนีไปนั่งที่อื่นแทน   ตอนนี้ไม่มีอะไรดูเข้าท่าในสายตาคุณสักอย่าง   เพลงก็มีแต่ซาวนด์อิเล็คทรอนิกส์ที่ฟังแล้วปวดหู   ไม่นับรวมเหล่าหญิงสาวที่คอยแต่จะส่งสายตาเชิญชวนมาให้คุณเป็นระยะ   อาหารก็ไม่อร่อย  คนในงานก็น่าเบื่อ   แต่ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับปาร์คจินยอง


ตั้งแต่ย่างเท้ามาถึงบ้านของแจ็คสัน   จินยองก็สะบัดคุณทิ้งทันควันเหมือนคนที่วิญญาณเพิ่งกลับเข้าร่าง   คุณรู้ดีว่าคนรักเป็นเจ้าพ่อปาร์ตี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร   แต่ตั้งแต่พวกคุณคบกันจินยองก็แทบจะไม่ออกเที่ยวเลยเพราะคุณไม่ชอบ   ทว่างานนี้คุณแพ้   จินยองใช้แบมแบมมาเป็นข้ออ้างในการขออนุญาต   แล้วคุณก็มองไม่เห็นทางไหนที่จะเถียงชนะอีกฝ่ายด้วย   เรื่องทั้งหมดจึงลงเอยที่คุณต้องมานั่งแหมะเฝ้ามองร่างเล็กโปรยยิ้มให้คนไปทั่ว  รวมถึงการกอดจูบทักทายแบบธรรมเนียมฝรั่งอย่างที่เจ้าตัวเคยชินอีก


มันใช่เรื่องไหมที่คุณต้องมานั่งอดทน?


“คุณมาร์ค”


คุณละสายตาจากแฟนไปมองที่ต้นเสียง   เป็นยองแจที่ยืนส่งยิ้มเขินๆ มาให้   คุณปรับหน้าหงิกงอของตัวเองให้เป็นปกติก่อนเอ่ยทัก “ว่าไงยองแจ”


“คือยองแจเล่นเกมแพ้”  ร่างบางกระอักกระอ่วนเล็กน้อยแล้วจึงอธิบายต่อ  “พี่แจ็คสันเลยสั่งให้ยองแจมา  เอ่อ  มา..  มาจูบคุณมาร์ค”


พ่อมึง!


คุณอุทานด่าเพื่อนรักในใจ   แหงล่ะ  ไอ้ความคิดอุบาทว์ๆ แบบนี้ต่อให้ยองแจไม่บอกคุณก็เดาได้ว่าใครเป็นหัวเรือ   อีกฝ่ายไม่ผิดหรอก  แต่คุณไม่ได้อยู่ในโหมดที่จะให้ความร่วมมือกับใครเลยจริงๆ


“โทษทีนะยองแจ  คือฉัน...”


“คุณมาร์คช่วยยองแจนะ  นะนะ   หลับหูหลับตาเอานิดเดียวเอง  พี่แจ็คสันขู่ว่าถ้าทำไม่สำเร็จจะให้คุณแบมไล่ยองแจออกจากร้าน” เพราะร่างบางทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้   และคุณก็ใจร้ายใส่อีกฝ่ายไม่ลง   คุณเลยได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม


เสียงเฮดังลั่นขึ้นทันทีที่ริมฝีปากบางสัมผัสกับปากของคุณ   ด้านหลังของยองแจแจ็คสันกำลังชนแก้วรอบวงพลางหัวเราะและชี้นิ้วมาที่เขา


เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดัง  “มึงตายแน่ไอ้มาร์ค!”


คุณไม่เข้าใจ   แต่เมื่อเหลือบไปมองที่อีกด้านของสระน้ำ   ใจคุณก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที


ปาร์คจินยองกำลังจ้องตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่อ่านไม่ออก










.
.










คุณคือปาร์คจินยอง


เตกิล่าแก้วที่สี่ถูกส่งลงคออย่างไม่สะทกสะท้าน   แม้ช่วงนี้จะไม่ได้ดื่มบ่อยแต่สกิลของคุณก็ไม่เคยลดลง   นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่คุณภูมิใจ   จะมีอะไรดีไปกว่าการมอมเหล้าคนอื่นแล้วล้วงความลับของอีกฝ่ายออกมาในขณะที่ตัวเองยังมีสติทั้งๆ ที่ดื่มไปไม่น้อยกว่ากัน   ฟังดูไร้สาระแต่คุณก็สนุกกับมันมาเสมอ
คุณกำลังหลอกล่อให้ยูคยอมเล่าถึงแฟนเก่าอยู่เมื่อเสียงเฮจากอีกด้านของสระดังขึ้น  วงสนทนาของคุณทั้งหมดเบนความสนใจไปตรงนั้นทันที   แล้วคุณก็ได้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น


มาร์คต้วน  แฟนหนุ่มสุดหล่อของคุณกำลังจูบอยู่กับชเวยองแจ


โอ้ มาย ฟัคกิ้ง ก็อด!


“มึงตายแน่ไอ้มาร์ค!” เสียงแจ็คสันตะโกนขึ้นมา   มาร์คมีสีหน้างงๆ ก่อนจะหันมาทางนี้   พวกคุณสบตากันอย่างเงียบงันก่อนจะเป็นคุณที่เผลอหลบตามาเสียก่อน   ไม่ไหว  ใจมันร้อนเป็นไฟขึ้นมาเฉยเลย


“ฝีมือแจ็คสันแหง” หญิงสาวอีกคนพูดขึ้นมา   ใช่  คุณก็คิดแบบนั้นแหละ  ทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจแต่ภาพที่ผู้ชายของคุณกำลังโดนคนอื่นจูบมันทำให้คุณหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


“ว่าแต่ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นเลยแฮะ   เพื่อนใหม่แจ็คสันเหรอ” ผู้หญิงอีกคนที่นั่งติดคุณเปรยขึ้นมาลอยๆ


“นี่เธอไม่รู้จักมาร์คได้ยังไงน่ะ  นั่นตัวเต็งหนุ่มคลีโอปีนี้เชียวนะ”


“เออ จะว่าไปก็หล่อดี   ดูสิ  มองมาทางนี้ด้วย  ไปลองอ่อยดีมั้ย?”


เพล้ง!


คุณเผลอปล่อยแก้วที่อยู่ในมือร่วงลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจจนเศษแก้วกระเด็นไปโดนเท้าของคนข้างๆ  ยูคยอมสร่างเมาทันที


“เกิดอะไรขึ้น”  มาร์ควิ่งหน้าตั้งเข้ามาถาม   คุณยังอยู่ในอาการช็อคเลยไม่ได้ตอบอะไรออกไป   สีหน้ามาร์คดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด  เขาเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของคุณ  คุณเผลอสะดุ้งแล้วเด้งตัวถอยหนีอย่างแรง   จนทำให้คุณเสียหลักหล่นลงไปในสระว่ายน้ำ   มาร์ครีบกระโดดตามลงมาช่วย   ทันทีที่ร่างโปร่งดึงคุณขึ้นสู่ผิวน้ำ   คุณก็รีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดยกใหญ่  


เสื้อเชิ้ตสีขาวชุ่มน้ำแนบไปกับผิวกายเนียนละเอียดของคุณจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน   มาร์คดึงคุณมากอดเข้าไว้เพื่อบดบังจากสายตาคนอื่น   หน้าของพวกคุณอยู่ห่างกันแค่ลมหายใจกั้น



“อย่ามาเล่นเลิฟซีนในสระน้ำบ้านฉันนะว้อย!” แจ็คสันตะโกนแซว   มาร์คจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์แล้วลากคุณขึ้นจากสระ   คุณอยากตะโกนตอบแจ็คสันเหลือเกินว่ามันไม่ได้โรแมนติกอย่างที่ใครคิด   มองแวบเดียวก็รู้ว่ามาร์คกำลังไม่พอใจคุณอยู่   ทั้งๆ ที่ฝ่ายที่โกรธควรจะเป็นคุณมากกว่า



ทำไมคนที่ไปจูบกับคนอื่นถึงมีสิทธิ์มาโกรธกันล่ะ?



ปาร์ตี้ไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว   พวกคุณทั้งคู่ขอตัวกลับทันที   มาร์คขอผ้าขนหนูผืนโตมาให้คุณคลุมตัวเอา



ไว้ในขณะที่ตัวเขาถอดเสื้อนอกออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางเท่านั้น



“ขึ้นรถ” มาร์คสั่งห้วนๆ แล้วยัดตัวเองลงไปยังฝั่งคนขับ  คุณเบ้ปาก  ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมอยู่ๆ แฟนหนุ่มก็องค์ประทับ  ร่างโปร่งสตาร์ท Bentley คู่ใจแล้วเปิดกระจกเรียกคุณอีกรอบ  ทว่าคราวนี้น้ำเสียงอ่อนลงเยอะ  “จินยองครับ  ขึ้นรถ”



จินยองครับ..
โอเค  คุณแพ้



“หนาว” คุณบ่นทันทีที่ปิดประตู   นึกโทษความดื้อด้านของตัวเองที่ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อตามที่มาร์คสั่งตั้งแต่ทีแรก   พอเสื้อชื้นๆ เจอกับแอร์เย็นๆ ก็ถึงกับสั่นทันที  



“แล้วทำอีท่าให้ตกน้ำได้” มาร์คถาม  เขายังไม่ออกรถเพราะอยากเช็คคนข้างๆ ก่อนว่าโอเคจริงไหม
คุณไม่กล้าบอกความจริง  “จำไม่ได้  เมา”



“เมา?” สารถีรูปหล่อทวนคำเสียงสูง  “เมาดิบมากกว่ามั้ง”




คุณเกลียดมาร์คต้วนจับใจที่รู้ทันไปเสียทุกอย่าง!




แล้วจู่ๆ มาร์คก็เริ่มบทสนทนาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง  “ครั้งหน้าไม่เอาแบบนี้แล้วได้มั้ย   ผมไม่สนุกเลย”
“แบบนี้คือแบบไหน” คุณถามกลับ



มาร์คลดแอร์แล้วหันมาสบตาคุณ   ความจริงจังในจักษุสีนิลทำให้คุณประหม่าขึ้นมาทันที  “แบบที่คุณเดินชนแก้วกับคนอื่นไปทั่ว  เดี๋ยวก็โดนกอด  เดี๋ยวก็โอบไหล่”



“แต่อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้จูบใครนะ”  คุณสัพยอกกลับอย่างหงุดหงิด



มาร์คนิ่งไปสักครู่ก่อนพยายามแก้ตัว  “ก็ไอ้แจ็คสันมันแกล้งยองแจ  นั่นไม่สมควรเรียกว่าจูบด้วยซ้ำ  ยองแจก็แค่ —”



โอ๊ย ช่างหัวชเวยองแจ!



คุณดึงมาร์คมาจูบเร็วๆ ทันทีเพื่อลบรอยริมฝีปากคนอื่น  เพราะยิ่งมาร์คพูดถึงภาพติดตานั้นก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นในสมอง   ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าแค่จูบระดับอนุบาลแบบนั้นจะทำให้คนอย่างปาร์คจินยองหึงได้ถึงเพียงนี้   นั่นแหละ  แต่ก็เป็นไปแล้ว



นัยน์ตาของมาร์คทอประกายล้อเลียนทันทีที่คุณผละริมฝีปากออก  เขากระซิบถาม  “หึงเหรอ”



คุณหน้าแดง  “บ้า  ใครจะหึง!”



ชายหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นคุณเขินและโกรธในเวลาเดียวกัน   มาร์คขยับตัวเข้ามาใกล้คุณมากขึ้น    นัยน์ตาคู่สวยทอประกายวาบหวาม  “ยังหนาวอยู่มั้ย”



คุณสัมผัสได้ถึงนัยยะซ่อนเร้นจากประโยคเหล่านั้น  แต่ก็เลือกจะมองข้ามไป  “ก็.. หนาวอยู่”



ชายหนุ่มดูยินดีที่คุณตอบไปเช่นนั้น   มาร์คใช้สายตาโลมเลียคุณตั้งแต่ริมฝีปาก  ต้นคอ  หน้าอก  ลงต่ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงส่วนสำคัญ   เขาทำให้คุณรู้สึกโป๊ทั้งๆ ที่ยังใส่เสื้อผ้าครบชุด 



“จินยองครับ  มาทำให้ร่างกายอบอุ่นกันหน่อยมั้ย?”



มาร์คจูบคุณทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบ











Alright girl
Don’t be afraid of it
I’ma put you on my back seat
Here this











ใช้เวลาไม่นานคุณก็พาร่างของคุณและจินยองย้ายมาอยู่ที่เบาะหลังได้สำเร็จ   ขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลให้คุณเอา Bentley มาขับในวันนี้   เพราะมันมีพื้นที่มากพอที่จะเล่นสนุกได้ภายในพื้นที่แคบๆ



“เอาจริงเหรอ” จินยองเอ่ยถาม  สีหน้าดูกังวล  ผิดกับบุคลิกประจำตัวที่มักจะทำอะไรด้วยความมั่นใจอยู่เสมอ



คุณลูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายไปมาอย่างหลงใหล  “บางทีชีวิตก็ต้องมีเรื่องตื่นเต้นบ้าง”



“แจ็คสันอาจจะเดินมาเจอเราสองคนก็ได้นะ”



“ช่างหัวมัน”



จินยองมองหน้าคุณนิ่ง  “นี่เหมือนไม่ใช่นายเลย”



“รู้จักไว้ซะสิ   นี่แหละต้วนอี้เอินเวอร์ชั่นขี้หึงล่ะ”  คุณกล่าวไว้แค่นั้นแล้วจึงก้มลงจูบเด็กดื้อของคุณทันที 



จินยองที่มีอาการต่อต้านในตอนแรกค่อยๆ ผ่อนคลายตามจนเริ่มเคลิ้มไปกับการชักนำของคุณ



เห็นนิ่งๆ อย่างนี้ก็เถอะ  จริงๆ แล้วคุณจูบเก่งมาก



เสื้อผ้าเปียกชื้นทำให้คนทั้งคู่บดเบียดร่างกายเข้าหากันมากขึ้นเพื่อเพิ่มไออุ่น   คุณกับจินยองจูบกันบ่อยจนรู้จักทุกซอกทุกมุมในปากของกันและกันเป็นอย่างดี   ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร   ในขณะที่มือก็ทำหน้าที่ปลดเสื้อผ้าที่เป็นดั่งกำแพงด่านแรกออกไปอย่างลวกๆ



คุณละจากริมผีปากบางมาที่ใบหู  จินยองหลุดเสียงครางมาให้ได้ยินเป็นครั้งแรกเมื่อโดนสัมผัสด้วยปลายลิ้นของคุณ   เขาเริ่ดหน้าขึ้นเพราะโดนความรู้สึกเสียวซ่านพุ่งเข้าจู่โจมกะทันหัน   มือบางจิกลงที่ไหล่ขวาของคุณอย่างต้องการระบายอารมณ์   คุณรู้จักร่างกายของจินยองดีพอๆ กับตัวคุณเอง   คุณรู้ว่าต้องทำตรงไหนอย่างไรเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ   ปาร์คจินยองเป็นคนที่ดูแรงเพียงเปลือกนอก   เนื้อในของเด็กหนุ่มยังมีความใสซื่ออยู่อีกมาก



นั่นเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ทำให้คุณหนีไปไหนไม่รอด



“วันนี้คุณทำผมโกรธหลายเรื่องมากเลยนะรู้มั้ย” คุณพูดทั้งๆ ที่ยังไม่ละออกจากต้นคอระหง   จินยองเกร็งตัวทันทีเมื่อคุณเริ่มทำรอยคิสมาร์ค   “ฝากไว้  คนที่มารุ่มร่ามจะได้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว”



“ม..มาร์ค..  ตรงนั้น  อ..อย่า”



“แล้วก็อีกเรื่อง” คุณไม่สนใจเสียงหวานที่ร้องห้าม  “ถ้าหึงก็บอกว่าหึง”



“อะ..อะไรกัน  อื้อ”



ฝ่ามือของคุณลูบไล้ผ่านผิวกายเนียนลื่นของอีกฝ่าย  จงใจปัดผ่านกุหลาบสองดอกที่กำลังบานชูช่อรอให้คุณเข้าไปชื่นชม   จินยองสะดุ้งสุดตัว  จิกต้นแขนคุณแรงกว่าเดิมตามอารมณ์ที่ถูกโหมให้สูงขึ้น   ใบหน้าของจินยองยามตกอยู่ในห้วงตัณหากระตุ้นสัญชาตญาณดิบในตัวคุณได้ดีเหลือเกิน   จนคุณต้องกดจูบที่ริมฝีปากบางอีกหลายๆ ที



นิ้วมือของคุณเลื้อยลงต่ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดสำคัญ



จินยองรีบตามมาตะปบมือคุณไว้ทันทีก่อนได้เริ่มทำอะไร  คนรักส่ายหน้าไปมาอย่างอ้อนวอน  “เดี๋ยวคนมาเจอนะ”



“บอกแล้วไงว่าไม่สน”



“อย่าเอาแต่ใจตัวเองสิ”



คุณขมวดคิ้วแล้วกระชากมือของจินยองให้มาสัมผัสกับอีกหนึ่งตัวตนของคุณ  “คุณทำให้ผมเป็นถึงขนาดนี้แล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ”



แม้จะอยู่ในที่อับแสงแต่คุณก็เห็นว่าหน้าของจินยองเปลี่ยนเป็นสีชมพูจางๆ   เจ้าพ่อปาร์ตี้จิ๊ปากแต่ก็พยักหน้ายอมในที่สุด  หัวใจของคุณเต้นระรัวในขณะที่โน้มอีกฝ่ายให้นอนราบไปกับเบาะหลัง



“แคบจัง” คนที่ไร้ทางหนีแสร้งพูดเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย



คุณกระตุกยิ้มมุมปาก  “ข้างในตัวคุณแคบกว่านี้อีก”



จินยองฟาดเข้าที่อกของคุณหลายๆ ทีจนคุณเจ็บ  ใบหน้าขวยเขินที่เห็นไม่บ่อยนักในยามปกติเร้าให้คุณอยากจะสัมผัสอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่คุณมี



“เชื่อใจผมนะ”



“อ๊ะ” จินยองกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อสะกัดกลั้นความรู้สึกบางอย่างในขณะที่คุณเริ่มปรนนิบัติเขาราวกับเจ้าหญิง  ขาอีกหนึ่งของจินยองพาดอยู่บนไหล่คุณ  ในขณะที่ริมฝีปากของคุณก็กำลังหยอกเอินอยู่กับต้นขาด้านในของเด็กหนุ่ม   จากมุมนี้คุณเห็นคนรักได้ครบหนึ่งร้อยแปดสิบองศา   อกบางสะท้อนขึ้นลงตามอัตราการหายใจที่เริ่มถี่มากขึ้น   ไม่รู้ว่าตั้งใจไหม  แต่การที่จินยองช้อนตามองคุณด้วยตาแบบนั้นมันช่างดูยั่วยวนเสียยิ่งกว่าอะไร   ปากนิด  จมูกหน่อย   เจอแบบนี้ถ้าคุณทนไหวก็ไม่ใช่คนแล้ว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากวินาทีนี้   คุณสาบานว่าจะไม่หยุดจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์








Wanna touch your body all night








คุณกำลังจะหลอมละลาย



อากาศในรถเย็นเยียบ  ทว่าอุณหภูมิภายในตัวกลับร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ   เหงื่อเย็นๆ ไหลโทรมกายจนเบาะหนังเปียกลื่น



“ไหวมั้ย” คนรักของคุณกระซิบถาม   เขาจับคุณพลิกคว่ำก่อนจะปรนเปรอคุณด้วยของเล่นชิ้นโปรด   คุณร่ำร้องไม่เป็นภาษา   ทว่าอีกฝ่ายเข้าใจดีว่าคุณรู้สึกอย่างไร   เพราะพวกคุณมีภาษาของคุณเองซึ่งใช้การตอบสนองด้วยร่างกาย   ด้วยพื้นที่ที่คับแคบทำให้พวกคุณขยับตัวได้ไม่มากนัก   แต่กลับเป็นข้อดีที่ทำให้คุณได้ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าที่เคย   และกลิ่นกายของมาร์คก็เร้าอารมณ์กว่าที่เป็น



ทุกอย่างที่เป็นมาร์คทำให้คุณเป็นบ้าได้ทั้งนั้น



“ขออยู่ข้างบน” คุณกระซิบเสียงพร่า   มาร์ครับบัญชาทันทีด้วยการยกตัวคุณให้มานั่งคร่อมตักตัวเอง   คุณแอบยิ้มในความใจดีผิดปกติของแฟนหนุ่มแล้วรั้งเขามาจูบ   แค่สถานที่เปลี่ยนไปก็เหมือนมาร์คจะกลายร่างเป็นคนละคน



“วันนี้ร้อนแรงนะ” ไม่รู้ว่าเป็นคำชมไหม  แต่นั่นก็ทำให้คุณเขินขึ้นมาอีกระลอก   คุณพยายามข่มความอายแล้วแสร้งทำเป็นว่า โธ่ แค่นี้น่ะจิ๊บๆ แล้วเริ่มปฏิบัติการด้วยตัวเอง



สัญชาตญาณของผู้ชายทุกคนรักที่จะเป็นผู้ควบคุม 



คุณเผลอร้องออกมาเมื่อพบว่าคราวนี้มันยากกว่าที่คิด   มาร์คกระซิบข้างหูบอกให้คุณอ้าขากว้างๆ   คุณเถียงกลับไปในใจว่าถ้าทำได้ก็ทำไปแล้ว    ไม่ใช่แค่คุณที่ดื่มด่ำไปกับเกมรักครั้งนี้   แฟนขี้หึงของคุณก็ไม่ต่างกัน   เขาหลุดครางออกมาไม่เป็นภาษาเมื่อถูกร่างกายคุณกลืนกิน   ถ้าโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้มือสักหน่อยคุณจะแอบอัดคลิปเอาไว้เลย   รับรองคุณชายมาดหลุดคนนี้ได้กระเด็นจากตำแหน่งหนุ่มคลีโอที่สาวๆ ปรารถนาแน่นอน



“เร็วหน่อยจินยอง” มาร์คออกคำสั่ง   ริมฝีปากของอีกฝ่ายวนเวียนอยู่แถวหน้าท้องแบนราบของคุณ   คุณเอื้อมมือซ้ายไปจับเบาะหน้าเอาไว้   ในขณะที่มือขวาก็โอบรอบต้นคอของชายหนุ่ม   มาร์คดูจะขัดใจที่คุณทำอะไรไม่ทันใจ   เขาจึงช่วยคุณในการขยับตัวสวน   นั่นยิ่งทำให้น้องชายของมาร์คสัมผัสกับตัวตนของคุณได้ลึกยิ่งกว่าเดิม    คุณเริ่มครางไม่เป็นภาษาอีกครั้งเมื่อคนรักเลื่อนมือมาทักทายเด็กน้อยของคุณ   การรับสัมผัสทั้งด้านหน้าและด้านหลังภายในเวลาเดียวกันมันทำให้คุณรู้สึกดีจนอยากจะร้องไห้ออกมา



อย่าให้ต้องบรรยายเลยนะ  เพราะคุณก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันเป็นอย่างไร



“..ม..มาร์ค  จะไ..ป..” คุณไม่เหลือสติใดๆ อีกแล้วตอนพูดประโยคนั้น   ร่างกายของคุณตอบสนองได้ดีจนเหลือเชื่อ    เสียงของคุณและมาร์คประสานกันเป็นหนึ่งเดียวเฉกเช่นร่างกายเมื่อการเกมดำเนินมาจนถึงตอนจบ   พวกคุณหายใจหอบเหมือนคนที่เพิ่งวิ่งระยะไกลกันมา   ก่อนที่คุณจะโผซบลงที่ลาดไหล่บางอย่างต้องการที่พัก



“เก่งมากคนดี” มาร์คเอ่ยปากชมแล้วจุมพิตที่เปลือกตาของคุณ   คุณหมดแรงที่จะปัดป้องหรือแม้แต่บอกให้อีกฝ่าย ‘ถอน’ ตัวออกไปจากเกมนี้เสียที  



“กลับบ้านกัน” คุณบอก  ซึ่งมาร์คก็พยักหน้ารับแต่โดยดี   ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้ากลับให้คุณแล้วปิดท้ายด้วยดีพคิสอีกหนึ่งยก




สาบานเลยว่าครั้งหน้าคุณจะไม่หาเรื่องหึงมาร์คอีกแล้ว   เพราะเพิ่งได้รู้ว่ามาร์คขี้หึงกว่ามาก
หรือถ้ามีเรื่องให้หึงจริงๆ  ก็จะไม่ใช่รถที่มีเบาะหลังแบบนี้แน่นอน










เพราะรถเปิดประทุนน่าสนกว่ามาก








END*

June 21, 2015

MarkNior | Moonlight

Title :: MOONLIGHT

Author :: AliceJay

Category :: AU

Pairing :: Mark/Jinyoung

 





MOONLIGHT .






















มาร์คผลักจินยองลงบนเตียงก่อนจะตามมาประกบจูบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ขาดตอน  ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและรุนแรงจนคนใต้อาณัติแทบจะหลอมละลาย ประหนึ่งตัวเองเป็นขี้ผึ้งยามโดนไฟลน


ไม่มีบทสนทนาอื่นนอกเสียจากเสียงครางอย่างสุขสมและผิวเนื้อยามสัมผัสกัน   จินยองจิกมือของตัวเองลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกัน เมื่อสิบห้านาทีก่อนจนเลือดซิบ   ความเสียวแล่นไปตามไขกระดูกสันหลังทุกครั้งที่มาร์คขยับตัว  ผิวหน้าร้อนเห่อราวกับจะลุกเป็นไฟยามที่ริมฝีปากอิ่มลากผ่านก่อนจะหยุดหยอก ล้อกับใบหูที่เป็นจุดไวสัมผัสของร่างกาย


มาร์ครู้จักทุกอณูในร่างกายของจินยองเป็นอย่างดีราวกับว่าเคยร่วมรักกันมานับ ครั้งไม่ถ้วน  ทั้งๆ ที่นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอหน้ากันด้วยซ้ำ   ถ้าไม่ใช่เพลย์บอยผู้ช่ำชองก็อาจจะเป็นปีศาจสักตัวที่สามารถอ่านใจได้ว่าตอน นี้เขากำลังคิดหรือรู้สึกอะไร


หลังจากผ่านครึ่งชั่วโมงแรก  จินยองตัดสินใจให้มาร์คเป็นปีศาจ


เขาไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน   ย้อนไปเกือบหนึ่งชั่วโมงที่แล้วจินยองกำลังเดินกลับหอเพียงลำพัง  แล้วจู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้า   ใบหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลักนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนเขานึกกลัว   แต่ทั้งๆ ที่ใจสั่งให้เขาเดินเลี่ยงออกไป  แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมขยับไปไหน   ราวกับร่างกายของเขาถูกตรึงไว้โดยสายตาคมสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นเรียบร้อยแล้ว


“ต้องการอะไร”


“สวัสดี ปาร์คจินยอง  จำฉันไม่ได้ล่ะสิ” ผู้ชายคนนั้นพูดพลางขยับเข้ามาใกล้เขามากขึ้น  ผมสีควันบุหรี่ของเขาโดดเด่นตัดกับท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว  อับกูจองไม่เคยร้างคนแม้ในยามราตรี  แต่ตอนนี้กลับไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตอื่นใดโผล่มาเข้ามาให้เห็นในรัศมี ร้อยเมตรนี้เลย  “เรียกฉันว่ามาร์คแล้วกัน”


จินยองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูดให้เข้าใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นเรื่อยๆ   เขาพยายามประคองสติ  พยายามบอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านี่มันแปลกนะ  แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว   ไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนยามที่อีกฝ่ายก้มลงมากระซิบ ‘ขออนุญาต’ ที่ข้างหูด้วยซ้ำ   จินยองไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าสิ่งที่มาร์คบอกหมายความว่าอย่างไร   แต่เขาก็ยังยอมให้อีกฝ่ายจับจูงมาจนถึงห้องพักใกล้ๆ


แล้วเกมรักก็เริ่มต้นขึ้น


ทันทีที่ประตูปิด  มาร์คก็ผลักเขาติดกำแพง   แววตาของมาร์ควูบไหวยามที่มองมายังเขา   นี่เป็นครั้งแรกที่จินยองสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ายังมีความรู้สึกอยู่   ร่างโปร่งขยับเข้ามาใกล้แล้วเอาหน้าผากของตนแนบกับหน้าผากของเขา    จินยองใจเต้นไม่เป็นส่ำกับความอ่อนโยนที่เกิดขึ้นในฉับพลัน  ไอร้อนจากลมหายใจปะทะเข้ากับใบหน้าหวานจนเขารู้สึกขัดเขิน


“ฉันรอมาร้อยปีเพื่อจะได้พบนายอีกครั้ง” เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบา นัยน์ตาคู่สวยปิดลงเหมือนกำลังจ่อมจมไปกับความทรงจำของตัวเองก่อนจะลืมตา ขึ้นมาอีกครั้ง  ความเยียบเย็นที่เขาเห็นในตอนแรกหายไปแล้ว  ตอนนี้จินยองเห็นแต่ความปรารถนาลุกโชนในจักษุคู่นั้น  “อยู่กับฉันจนกว่าแสงจันทร์จะหายไป”


จินยองไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนัก  เพราะทันทีที่มาร์คพูดจบ  ริมฝีปากของเขาก็ถูกครอบครองทันที  ข้อมือบางทั้งสองข้างถูกตรึงติดกำแพง  ความหวาบหวามกำลังเล่นงานเสียจนเขาเข่าอ่อน   มาร์คยอมปล่อยมือขวาของเขาให้เป็นอิสระเพื่อมาโอบเอวบางเอาไว้ไม่ให้ทรุดไป เสียก่อน  พร้อมๆ กับเปิดโอกาสให้จินยองได้กำเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นที่ยึดเกาะอีกแรง


มาร์คจูบเก่งมาก
มากชนิดที่ทำให้จินยองอยากจะบ้าตายอยู่ตรงนั้น


เรียวลิ้นของมาร์คสอดเข้ามาในโพรงปากของเขา  ก่อนจะทำหน้าที่เหมือนยานอวกาศที่ลงสำรวจพื้นผิวของดวงจันทร์  มันลัดเลาะไปทั่วแนวฟันทั้งบนและล่าง  เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของเขา  ดูดดึง  เกี่ยวพัน  ชักจูง  ฟันคมขบเม้มที่ริมฝีปากอิ่มจนได้รสเลือดจางๆ  เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายฟังดูหยาบโลน  แต่วินาทีนี้ใครจะสน  มาร์คถอนจูบออกโดยมีน้ำลายที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครยังเชื่อมริมฝีปาก ของพวกเขาอยู่  ปล่อยให้จินยองหายใจได้ไม่เกินห้าวินาทีแล้วก็ก้มลงมาประกบใหม่  เป็นอย่างนี้ซ้ำๆ เกือบสิบห้านาที  


จินยองขอเรียกมันว่าจูบสูบวิญญาณ


แม้ตอนแรกจะยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงยอมเดินตามผู้ชายแปลกหน้าคนนี้มา  แต่ตอนนี้เขากลับมีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างเต็มที่  จินยองไม่ใช่พวกฟรีเซ็กส์  อันนี้จริงแจ็คสันเคยกระแหนะกระแหนเขาบ่อยครั้งด้วยซ้ำว่าเป็นพวกเลือกมาก  ยิ่งกับผู้ชายเขายิ่งไม่เคยเลย   ดังนั้นเขาถึงได้สนเท่ตัวเองมากว่าอะไรดลให้เขามายืนจูบกับชายแปลกหน้าอยู่ตรงนี้


ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววิ  แล้วจินยองก็ดั่งตกอยู่ในมนตร์สะกด  เขารู้ตัวทุกอย่างนะว่ากำลังทำอะไร  หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง  เพียงแต่เขาบังคับตัวเองไม่ได้เลย   ราวกับว่าจิตใจของเขากำลังภักดีต่อเจ้านายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง


“นายห้ามตัวเองไม่ได้หรอก  ไม่มีวัน” มาร์คพูดขึ้นขณะปลดอาภรณ์ของเขาออกไป  อากาศในฤดูหนาวเย็นจัดจนทำให้ขนอ่อนลุกซู่ทั้งร่างกาย  จินยองชะงักมือที่กำลังช่วยถอดกระดุมเสื้อของมาร์คทันที  ดวงตาฉ่ำหวานเงยสบกับลูกแก้วสีน้ำผึ้งด้วยความสงสัย


“รู้ได้ไงว่าฉันคิดอะไรอยู่”


“ไม่เคยมีใครบอกเหรอว่าคนอย่างนายน่ะอ่านง่ายยิ่งกว่าอะไรดี”  มาร์คยกยิ้มมุมปาก  จบประโยคนี้สกินนี่สีซีดของจินยองก็ลงไปกองที่พื้นพอดี   มาร์ควางมือที่สะโพกผายก่อนจะเคล้นคลึงไปมาอย่างหลงใหล


“ไม่จริง” เขาปฏิเสธ  เสื้อเชิ้ตสีดำสนิทไร้ลวดลายของมาร์คหลุดติดมือออกมาเหมือนกัน 


“รู้ไว้อย่างเดียวก็พอว่านายเป็นของฉัน  ไม่ว่าชาตินี้  หรือชาติไหน  นายหนีมันไม่พ้นหรอก  มันเป็นโชคชะตา”


ทั้งคู่จ้องตากันอย่างเงียบงัน  อยู่ๆ ในหัวใจของจินยองก็อุ่นวาบขึ้นมา  ผู้ชายคนนี้อาจจะเป็นนักสะกดจิตที่เก่งที่สุดเท่าที่จินยองเคยพาลพบ   เขาทำให้จินยองเชื่อหมดใจในเรื่องที่ไร้สาระที่สุดเท่าที่เคยฟังมาในชีวิต


มือบางเอื้อมไปลูบไล้ใบหน้าที่มีไรหนวดจางๆ ด้วยความรู้สึกที่ต่างจากนาทีที่แล้วโดยสิ้นเชิง   เขาประทับรอยจูบลงบนคางของมาร์ค  มองข้ามว่าชายหนุ่มเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามา


“กอดฉันที” จินยองว่า  ดวงตาทอประกายยินยอม  “จนกว่าจะสิ้นแสงจันทร์”


มาร์คทวนคำเสียงแผ่ว  “จนกว่าจะสิ้นแสงจันทร์”



::::::::::  MOONLIGHT ::::::::::




จินยองเริ่ดหน้าขึ้นเมื่อริมฝีปากของมาร์คลากผ่านลำคอที่ยังกระดูกไหปลาร้า   มือเรียวจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไปหมดเมื่อมาร์คฝากรอยประทับเอาไว้   เขาครางแผ่วออกมาอย่างรู้สึกดี  หัวสมองขาวโพลนไม่รับรู้สิ่งอื่นใดนอกเสียจากสัมผัสจากคนตรงหน้า
 


สียอดอกของจินยองตัดกับผิวขาวประหนึ่งแสงจันทร์   เขาถดกายหนีความหวาบหวามระลอกใหม่ที่ตีรวนขึ้นมาในช่องท้องเมื่อได้สัมผัสอุณหภูมิของลิ้นที่สูงกว่าอุณหภูมิที่ผิวหนัง   ขนอ่อนของจินยองลุกซู่  ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอากาศหรือความซาบซ่านที่กำลังเล่นงานตัวเองอยู่   จินยองพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ   ทว่าร่างของมาร์คที่ทาบทับอยู่เหนือตัวทำให้หนีไปไหนไม่ได้ไกลนัก  จินยองไม่เคยเป็นผู้โดนกระทำ  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสัมผัสเพียงเล็กน้อยกับจุดไวสัมผัสจะสร้างความรู้สึกที่แปลกประหลาดได้มากขนาดนี้



 

“แล้วนายจะชอบ” เป็นอีกครั้งที่มาร์คเหมือนอ่านใจเขาได้   จินยองผ่อนมือที่เกร็งไว้แล้วรั้งมาร์คมาจุมพิต  ปล่อยให้มือข้างที่ว่างของอีกฝ่ายปรนเปรอความสุขให้ตัวเองแทน   มาร์คละจากกลีบปากที่บวมเจ่อของจินยองมายังดอกกุหลาบสีสวยอีกครั้ง   ริมฝีปากของมาร์คเหมือนหมู่ภมรที่เข้ามาค้นหาน้ำหวานจากดอกไม้งาม  ครอบครอง  ฟอนเฟ้น  และดูดดื่ม  ทิ้งไว้เพียงรสสัมผัสที่รัญจวนใจเกินต้านทาน
 


ในขณะที่เอวบางกำลังบิดเร้ากับสัมผัสแปลกใหม่   มือของมาร์คก็เลื่อนลงต่ำไปเรื่อยๆ  อุณหภูมิของเกมรักสูงขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อจินยองโดนปลุกเร้าพร้อมๆ กันทั้งด้านบนและด้านล่าง   มาร์คเอ่ยชมว่าเสียงของเขาไพเราะจับใจแม้จะฟังไม่เป็นภาษา 
 


“ดังอีกนิดได้ไหม  เดี๋ยวให้รางวัล”
 


จินยองไม่มีสติใดๆ ที่จะตอบรับคำอ้อนวอนดังกล่าว   อันที่จริงเขาไม่สามารถเรียบเรียงประโยคใดๆ ในหัวได้เลย   เพราะแม้แต่จะหายใจก็ยังทำไม่ทันจนต้องหายใจทางช่องปากอีกทาง     อุณหภูมิอุ่นร้อนของฝ่ามือตัดกับไอเย็นจากแหวนเงินที่มาร์คสวมติดนิ้ว    ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบทุกครั้งที่โดนเข้ากับจุดไวสัมผัสของร่างกาย    ริมฝีปากของมาร์คเลื่อนลงมาสาละวนอยู่แถวต้นขาด้านใน   ฝากรอยแดงเอาไว้ต่างธงที่ปักแสดงเขตแดน   ก่อนจะเข้าครอบครองตัวตนของจินยองเอาไว้   มือบางจิกผ้าปูที่นอนจนแทบขาด  เสียงหวานครวญครางแทบขาดใจทุกครั้งที่มาร์คใช้ลิ้นเล่นสนุกกับร่างกายของตัวเอง  
 


เซ็กซ์กับปีศาจ    
ทรมานทว่าสุขสม


 

มาร์คเร้าอารมณ์ของจินยองให้พุ่งขึ้นสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนกระทั่งจินยองปลดปล่อยทุกอย่างออกมา   เขามองเห็นแสงจันทร์รำไรที่ลอดเข้ามาในห้อง   เพิ่งระลึกได้ว่าได้กลับมายังโลกมนุษย์อีกครั้งหลังจากมาร์คพาเขาขึ้นไปแตะขอบสวรรค์เมื่อครู่
 


“พร้อมนะ”
 


จินยองปรือตามองอีกฝ่าย   เขาเคยรู้แต่ทฤษฎีว่าผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางร่างกายกันอย่างไร   ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งเขาจะได้มาอยู่ในห้องปฏิบัติด้วยตัวเอง 
 


“อ๊ะ”
 


ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น  แต่ไม่คุ้นเคย   นิ้วมือของมาร์คกำลังทำหน้าที่ที่ปกติมันไม่ได้ทำ  จากหนึ่งเป็นสอง  จากสองเป็นสาม  จนความอึดอัดในคราแรกเปลี่ยนเป็นความวาบหวาม   ร่างที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงเผลอกัดปากตัวเองจนเลือดซิบ    หัวใจของจินยองเต้นระรัวเยี่ยงเสียงกลองของเหล่านักรบ   มาร์คพยายามทำให้จินยองผ่อนคลายมากที่สุดด้วยการจุมพิตที่ต้นขาของเขาอีกครั้ง
สัมผัสของมาร์คร้อนแรงดั่งเปลวไฟ   แต่ก็นุ่มนวลดุจแสงจันทร์
 


มาร์คจับจินยองพลิกคว่ำเมื่อเห็นว่าร่างกายของเขาเริ่มปรับตัวได้แล้ว   ชายหนุ่มจูบเขาที่หลังคอ  สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์  ขบเม้มที่ติ่งหู   แล้วไล่พรมจูบต่ำลงมาเรื่อยๆ ตลอดแนวกระดูกสันหลัง   จินยองรู้สึกว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง
มาร์คทำให้จินยองต้องการชายหนุ่มจนแทบบ้า
 


“พี่ขอนะ”
 


“อือออ”  จินยองเผลอครางยาวเมื่อมาร์คเข้ามาลึกกว่าที่คิด  ร่างเพรียวอ้าปากหายใจหอบ  น้ำตาเม็ดใสซึมที่หางตา  เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
 


“อย่าเกร็งนะคนดี”  มาร์คโน้มตัวมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างแก้ม  แล้วฝังรอยจูบเอาไว้ที่ลาดไหล่บาง  พร้อมๆ กับนวดเฟ้นร่างกายของเขาไปทุกส่วนจนจินยองมั่นใจว่าไม่มีตรงไหนที่มาร์คยังไม่ได้สัมผัส   ชายหนุ่มเริ่มขยับตัวอีกครั้งจนเขาได้แต่ครางอื้ออึงรับสัมผัสที่ดำเนินไปอย่างเนิบนาบก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
 


ม่านเมฆเคลื่อนที่มาบังเงาจันทร์เอาไว้จนมืดสนิท  เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงตะวันก็จะกลับมาเยือนอีกครั้ง
 


เวลาของพวกเขาน้อยลงทุกวินาที
 


มาร์คถอนตัวออกมาแล้วจับจินยองขึ้นมาคร่อมบนตักตัวเอง  จินยองรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที   เขาค่อยๆ ทิ้งสะโพกลงบนส่วนแข็งขืนของปีศาจรูปหล่อ  
 


ครั้งแล้ว  ครั้งเล่า 
 


เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมไปทั่วไรผม  อัตราการเต้นของหัวใจถี่สูงเกินไปเนื่องจากการออกแรงขยับร่างกายและความตื่นเต้นในการเปลี่ยนมาเป็นผู้คุมเกม  มาร์คทำให้จินยองแทบจะตัวระเบิดด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นจนเกินไปอีกครั้งจากการมอบสัมผัสให้พร้อมๆ กันทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
 


มันสุขสม
มันหวาบหวาม
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกวูบโหวงในหัวใจ
 


เหมือนกับว่าเมื่อใดก็ตามที่การเดินทางสิ้นสุด   เขากับมาร์คก็จะกลับไปเป็นคนแปลกหน้าอีกครั้ง
 


“เรียกชื่อฉัน  ได้โปรด” มาร์คร้องขอ   ริมฝีปากของชายหนุ่มก็หลุดเสียงครางออกมาไม่เป็นภาษาเหมือนกับเขา
 


“..ม..มาร์ค   มาร์ค”  จู่ๆ จินยองก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้า  ภาพที่เขากับมาร์คกำลังร่วมรักกันฉายซ้อนขึ้นมาในสมองเหมือนจะอธิบายว่าทำไมมาร์คถึงได้รู้จักร่างกายของเขาเป็นอย่างดี
 


สติของเขากำลังจะหลุด
 


“อี้  อ๊ะ  อ..อ..  อาเอิน”  จินยองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลุดปากอะไรออกมา  แต่คำพูดของเขาทำให้มาร์คหยุดการกระทำของตัวเองไปชั่วขณะหนึ่ง   จนกระทั่งเสียงหวานประท้วงขึ้นมามาร์คจึงได้จับจินยองนอนราบกับเตียงอีกครั้ง   โดยคราวนี้เขาเป็นฝ่ายปรนเปรอร่างเพรียวด้วยตัวเอง
 


สัมผัสของมาร์คแรงขึ้นและลึกซึ้งขึ้น   ทั้งสองจูบกันอีกครั้งและอีกครั้ง   สองเสียงครวญครางผสานกันจนแยกไม่ออก   จนในที่สุดการเดินทางอันแสนยาวนานก็จบสิ้นลงจริงๆ เสียที


จินยองหายใจหอบอยู่ข้างๆ มาร์คที่เพิ่งทิ้งตัวลงนอนข้างกัน  กล้ามเนื้อของเขายังกระตุกอยู่หน่อยๆ  แต่ตัวกลับเบาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   มือบางของมาร์คเอื้อมมากุมมือเขาไว้หลวมๆ  จินยองหันหน้าไปมองด้านขวามือของตัวเองก็พบชายหนุ่มที่นอนมองเขาอยู่ก่อน แล้ว   นัยน์ตาของมาร์คอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด  และรอยยิ้มที่ส่งมาก็อบอุ่นจนเกินบรรยาย


จินยองรู้สึกว่าเขากำลังตกหลุมรักผู้ชายแปลกหน้าเข้าให้แล้ว


“นายจำอี้เอินได้มั้ย”  อยู่ๆ มาร์คก็ถามขึ้นมา


จินยองขมวดคิ้ว  “ใคร?”


มาร์คระบายยิ้มเศร้า  ไม่แปลกใจที่จินยองจะจำไม่ได้   ที่เผลอเรียกชื่อจริงของเขามาเมื่อกี้ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้น


จะจำได้ยังไงในเมื่อถูกสั่งให้ลืมไปหมดสิ้นแล้ว





“เราหนีไม่พ้นแล้วจินยอง  กลับไปซะ  เทพกับปีศาจยังไงก็รักกันไม่ได้  ฉันไม่อยากให้จินยองต้องมาตายเพราะฉัน”
“ไม่อาเอิน  ได้โปรดอย่าทำแบบนี้  อย่าผลักให้ฉันกลับไปใช้ชีวิตโดยไม่มีนาย”
“ฉันรักจินยองนะ  ได้โปรดจำไว้ว่า   ไม่ว่าจะชาตินี้  ชาติหน้า  หรือชาติไหน  ฉันก็จะตามรักนายไปทุกชาติ”





แล้วจินยองก็ตายต่อหน้าต่อตาเขา


ตายด้วยน้ำมือของคนที่ร่างเล็กเรียกว่า ‘พี่ชาย’   ส่วนเขาก็บาดเจ็บสาหัส   อันที่จริงอี้เอินรู้ดีว่าไม่มีวันที่เขากับจินยองจะหนีไปได้ไกลกว่านี้  เพราะต่อให้ไปสุดขอบฟ้า  ท่านมหาเทพก็สามารถตามหาพวกเขาได้อยู่ดี


ลูกชายคนเล็กของเทพแห่งดวงจันทร์กับลูกชายคนโตของปีศาจแห่งไฟ   เรื่องของพวกเขามันผิดตั้งแต่ชาติกำเนิดแล้ว


จิน ยองถูกลงโทษโดยการให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ห้าร้อยปี   ส่วนอี้เอินได้รับการช่วยชีวิตจากเทวีแห่งจันทรา   แม่แท้ๆ ของคนรักของเขา   เธอรักจินยองมาก  และรู้ดีว่าลูกชายตัวเองก็รักปีศาจตนนี้มากเหมือนกัน   จากโทษตาย  อี้เอินจึงถูกลดโทษเหลือเพียงโดนกักบริเวณบนดวงจันทร์ห้าร้อยปีฐานที่แหกกฎ ภพภูมิผู้วิเศษ   ทุกวันอี้เอินได้แต่เฝ้ามองจินยองอยู่บนท้องฟ้า   เขาต้องทนเห็นจินยองเกิด-แก่-เจ็บ-ตายวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่ทำอะไรไม่ ได้นอกเสียจากภาวนาให้มนุษย์ตัวน้อยผู้นั้นจงเข้มแข็ง  เพื่อรอเวลาให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง



ความรักของมาร์คที่มีต่อจินยองนั้นกล้าแกร่งมากจนในที่สุดเทวีก็ยอมรับ   โดยอนุญาตให้เขาลงมาหาจินยองบนโลกมนุษย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในทุกหนึ่งร้อยปี   ก่อนจะต้องกลับไปยังดวงจันทร์เพื่อรับโทษต่อไป


คืนนี้เป็นปีที่สี่ร้อยสำหรับการลงโทษ


อี้ เอินอธิบายไม่ถูกเลยว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรตอนที่เห็นจินยองเดินมา   ร่างเล็กยังคงเหมือนเทพน้อยองค์เดิมทุกประการที่เขาเคยรู้จัก  น้ำตาของมาร์คไหลรินอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นว่าคนรักได้มีชีวิตที่ดีบนโลก มนุษย์   เขาปาดน้ำตาออกแล้วร่ายเวทย์ให้จินยองเห็นแค่เพียงเขา


วินาทีที่สบตากัน   อี้เอินเข้าใจทันทีว่าความคิดถึงฆ่าเขาได้ทั้งเป็นจริงๆ


::::::::::  MOONLIGHT ::::::::::


จินยองสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในตอนเช้า   อาการปวดหัวเล่นงานเขาทันทีจนต้องเอามือบีบขมับเอาไว้   ร่างเล็กกลอกสายตาไปทั่วห้องนอนของตัวเองก็พบว่าทุกอย่างยังปกติดี  ยกเว้นแต่อาการเจ็บที่สะโพกซึ่งยากจะอธิบายได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น   เขาพยายามนึกเหตุการณ์ย้อนหลังแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก  จำได้แค่ว่ากำลังเดินกลับห้อง  แต่มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว


“แปลก แฮะ  เหมือนจะลืมอะไรไปสักอย่าง” จินยองพึมพำแล้วฝืนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ  เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยสัมผัสที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้   รอยฟันเขี้ยวยังคงปรากฎให้เห็นจางๆ ที่ไหล่ขวา   ร่างเล็กตกใจจนแทบประคองตัวไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นสภาพร่างกายของตัวเองเต็มๆ ในกระจก


“นั่นอะไร” จินยองบ่นอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นโน้ตใบเล็กที่ถูกแปะไว้บนกระจก   ข้อความบนนั้นอ่านได้ว่า



‘จะกลับมา’



“เวรเอ้ย..”  เขาสบถแล้วกำกระดาษแผ่นเล็กทิ้งถังขยะทันที   ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน  อาจจะโดนหลอก  อาจจะเมา  อะไรก็ช่าง  จินยองจะถือว่าเป็นคราวซวยของตัวเองแล้วกัน   คิดได้ดังนั้นก็เดินไปอาบน้ำแล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตต่อราวกับไม่เคยเกิดอะไร ขึ้นเลย


นาฬิกาบนโลกมนุษย์ของปาร์คจินยองเดินถอยหลังอีกครั้ง



::::::::::  MOONLIGHT ::::::::::



“ฉันกำลังรีบไป  บอกบอสเลยโปรเจ็คนี้ลูกค้าชอบแน่  ฉันคิดทั้งคืนเลย  เจ๋งสุดๆ - ชิท! -  เดี๋ยวโทรกลับนะ”  จินยองเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะหันมาทำตาขวางใส่คนที่เพิ่ง เดินชนเขาหมาดๆ   อเมริกาโน่ร้อนในมือหกรดเอกสารสำคัญของเอาไปมากกว่าครึ่ง   จินยองไม่มีเวลาแม้แต่จะมายืนด่า   ร่างเล็กรีบเก็บรวบรวมกระดาษในแฟ้มมาแล้วปัดๆ น้ำออก



หนึ่งร้อยปีต่อมา  ปาร์คจินยองกำลังรีบสุดชีวิตเพื่อไปทำงานให้ทัน  แต่กลับเจอเรื่องซวยเข้าจนได้


“ผ้าเช็ดหน้ามั้ยครับ” คนที่เป็นฝ่ายเดินชนกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าของอาร์มานี่ที่ปักตัวอักษร M ที่มุมขวามาให้


จินยองกระชากมันมาจากมือของชายหนุ่มด้วยแรงโทสะ  แล้วจึงซับๆ กระดาษเหล่านั้นอย่างตั้งใจ  ปากบางก็พร่ำบ่นไม่หยุด  “ซวยแท้ๆ  ซวยจริงๆ  ทำไมซวยแบบนี้วะปาร์คจินยอง”


“ผมมี ประชุมด่วน  นี่นามบัตรผม”  ชายหนุ่มยัดนามบัตรใส่มือของจินยองก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง   การกระทำแบบนี้ยิ่งทำให้จินยองปรี๊ดแตก


“เฮ้ยไอ้หัวเทา  คิดจะชนแล้วหนีเหรอ!”


เจ้าของ ผ้าเช็ดหน้าหันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง   ดวงตาคู่นั้นเย็นชาแต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นอย่างประหลาด  โครงหน้าดูดี  ผิวพรรณเปล่งประกายเหมือนแสงจันทร์ยามค่ำคืน   จินยองเผลอจ้องอีกฝ่ายนานเกินไปจนลืมคำพูดในหัวไปเสียหมด


“โทรมาแล้วกันนะครับ”


“ด..เดี๋ยวสิ”  กว่าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็เดินจากไปแล้ว  ร่างเพรียวจิ๊ปากก่อนจะก้มลงอ่านนามบัตร  “มาร์คต้วน   ชื่อคุ้นๆ แฮะ”















“บอสจะกินหัวมึงอยู่แล้ว  หายไปไหนมา!” แจ็คสันรีบวิ่งเข้ามาช่วยเขาถือของเมื่อเห็นว่าสัมภาระในมือของร่างเล็กเยอะขนาดไหน

 
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย  เริ่มพรีเซ้นท์ยัง?” เขาถามเสียงหอบ  เพราะเพิ่งวิ่งมาเหมือนกัน


“ยัง  บอสถ่วงเวลาให้มึงอยู่  รีบๆ เลย” แจ็คสันว่าแล้วรุนหลังเพื่อนเข้าไปในห้องประชุม


จินยองหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป   วันนี้เป็นการพิชงานโปรเจ็คสำคัญของบริษัท   จินยองในฐานะมือหนึ่งจึงได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนำเสนอผลงาน   เขาก้มหัวกล่าวแนะนำตัว  ก่อนจะแจกรอยยิ้มไปทั่วทั้งห้อง   จนกระทั่งมาสะดุดที่ชายหนุ่มหน้าจีนที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ข้างเจ้านายเขา


ไม่ผิดแน่  คนเดียวกับเจ้าของผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าชัวร์


จินยองฝืนยิ้มแล้วทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติ  แม้จะรู้สึกประหลาดกับสายตามีนัยยะแฝงที่คุณมาร์คมองมาแต่ก็เลือกที่จะมอง ข้ามไป   เสียงปรบมือดังลั่นห้องทันทีที่เขาพรีเซ้นท์จบ   จินยองเป็นมืออาชีพมากพอที่จะทำงานได้ดีในทุกสถานการณ์


มาร์คเดินมาหาจินยองทันทีหลังจากเซ็นสัญญากับเจ้านายของเขาเรียบร้อยแล้ว  “ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องมือเช้า  แต่เอกสารที่มีกลิ่นกาแฟก็ดีเหมือนกันนะ”


จินยองแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย  ปกติเขาจะเกรงใจลูกค้าทุกคน  แต่กับหมอนี่เขากลับแสดงร่างปาร์คจินยองเวอร์ชั่นปกติให้เห็น  “นี่ผ้าเช็ดหน้าคุณ  เอาคืนไป”


มาร์คยิ้มแล้วรับผ้าเช็ดหน้าคืนมา  ปลายนิ้วของเขาจงใจสัมผัสกับมือของจินยองจนร่างเล็กสะดุ้งรีบชักมือกลับ  มาร์คปรายตามองพนักงานคนอื่นในห้องที่กำลังแอบมองพวกเขาอย่างสนใจแล้วจึงหัน กลับมาที่จินยองอีกครั้ง  “ไปทานข้าวกันนะครับ  ผมอยากเลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อเช้า”


“ผมไม่ว่าง”  เขารีบบอกปัดโดยเร็ว


“งั้นเย็นนี้ล่ะ”


“ก็ไม่ว่างอีกนั่นแหละ”


“พรุ่งนี้?”


“ไม่ว่างเหมือนกัน”


“มะรืน?”


“ไม่ว่าง”


“แล้วเมื่อไหร่จะว่าง”


“ไม่ว่าง!  เมื่อไหร่ก็ไม่ว่าง  ไม่ต้องเสียเวลารอหรอกครับ!”


มาร์คนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนวาดรอยยิ้มที่ทำให้ใจคนมองกระตุก  “ไม่เป็นไรครับผมรอได้”


             เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้จินยองมากขึ้น  มือเรียวเกี่ยวปอยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าขึ้นไปทัดหู   นัยน์ตาของชายหนุ่มทอประกายเจิดจ้าเหมือนพระจันทร์ในคืนเดือนหงาย   ริมฝีปากอิ่มเลื่อนไปแนบชิดใบหูแล้วกระซิบถ้อยคำที่มีเพียงคนสองคนที่ เข้าใจ  “ผมรอจินยองมาร้อยปีแล้ว  รออีกนิดจะเป็นอะไรไป”



จินยองมองหน้ามาร์คอย่างไม่เข้าใจ  แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม   กล่าวเพียงว่าดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งแล้วเดินจากไป   จินยองยืนงงอยู่ชั่วครู่ก็รีบวิ่งตามไป   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากำลังทำอะไร  เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังเสียการควบคุม


“คุณมาร์ค  คุณ!  เดี๋ยวก่อนครับ”  มาร์คหันมามองแล้วเลิกคิ้วแทนการตั้งคำถาม   จินยองหน้าแดงระเรื่อ  หัวใจเต้นเร็วจนกลัวว่ามันจะวายเอา  “เอ่อ  เย็นนี้จริงๆ ก็พอว่างนะ”


มาร์คยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วพยักหน้ารับรู้   เขาแบมือขอโทรศัพท์ของจินยองเพื่อเอาไปเมมเบอร์ของตัวเองให้


“ต้วนอี้เอิน? ทำไมล่ะ”


 “เพราะผมเป็นอี้เอินของคุณเสมอไงครับ  ไม่ว่าจะชาตินี้  ชาติหน้า  หรือชาติไหนๆ” มาร์คเกี่ยวปอยผมที่ตกลงมาขึ้นไปทัดหูให้จินยองอีกครั้ง   เขายิ้มให้จินยองทั้งตาและปาก  “ฉันกลับมาแล้วนะ  จะไม่ทิ้งนายไปไหนอีกแล้ว”


แสงตะวันยามบ่ายส่องลอดกระจกเข้ามาในห้อง  เงาของทั้งสองคนทอดเคียงกันเฉกเช่นเมื่อห้าร้อยปีที่แล้ว
เงาที่แสงจันทร์ไม่อาจพรากพวกเขาจากกันได้อีก...











FIN .
#ฟิคอลจ

June 18, 2015

MarkJin | Hot Shorts


 Title :: HOT SHORTS
Author :: AliceJay
Genre :: R
Pairing :: Mark / Jinyoung














จินยองเงยหน้าขึ้น



สิ่งแรกที่เขาเห็นคือหน้าจอโทรศัพท์ที่โชว์รูปจากนิตยสาร Singles ที่เขาเพิ่งถ่ายไป  เป็นรูปที่เขานั่งชันเข่าวางเท้าบนสเก็ตบอร์ด  สองมือประสานอยู่ตรงหว่างขา  จินยองเงยหน้าสูงอีกนิดเพื่อสบตากับเจ้าของโทรศัพท์



“อะไร”



“นั่นคำถามฉัน” มาร์คตอบเสียงห้วนแล้วยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าหลังกางเกงยีนส์ตัวเองลวกๆ  ใบหน้าหล่อเหลาดูไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด



จินยองปิดหนังสือที่อ่านค้างอยู่ลง  ลองมาร์คมาอีหรอบนี้เขาคงไม่ได้อ่านหนังสือต่ออย่างสงบแน่ๆ  ร่างเพรียวพยายามใจเย็นแล้วเอ่ยถามพี่ใหญ่ของวงอีกครั้ง  “พี่เป็นอะไร”



“เป็นบ้า” มาร์คตอบตรงคำถามแต่ไม่ให้ความกระจ่างใดๆ เพิ่มเติม  จินยองพรูลมหายใจออกอย่างนึกหน่าย  เขายันตัวขึ้นจากฟูกนอนเพื่อจะเลี่ยงออกไปข้างนอก  แต่โดนมือของอีกคนกดบ่าให้นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เดิมอีกครั้ง



จินยองจิ๊ปาก  เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาบ้าง  “เป็นอะไรก็บอกสิ!”



มาร์คนั่งลงตรงหน้า  ดวงตากลมฉุนเฉียวไม่หยอก  “กางเกงนี่ต้องใส่สั้นแบบนี้เลยเหรอ”



คนโดนโกรธเริ่มปะติดปะต่อสาเหตุที่พี่ใหญ่ของวงอารมณ์เสียขึ้นมาได้แล้ว  เขากลอกตาอย่างเหนื่อยใจกับอาการหวงไม่เข้าเรื่องของอีกคน  “ก็เป็นแฟชั่น  เขาจัดให้ใส่แบบไหนก็ต้องใส่แบบนั้นแหละ”



“โป๊”



“ไม่เห็นจะโป๊เลย”



“เห็นขาอ่อนขนาดนี้ยังไม่โป๊อีกเหรอ” มาร์คหยิบมือถือขึ้นมาแล้วจ่อรูปดังกล่าวให้จินยองดูชัดๆ อีกครั้ง  “ตอนถ่ายนี่โดนมองไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้งเนี่ย  ให้ตายจินยอง  ถ้าพี่รู้ว่ามันจะขนาดนี้คราวหน้าจะบินกลับมาคุมเองเลย”



 มาร์คไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองกำลังแสดงพฤติกรรมอะไรออกมา  ปกติพี่ใหญ่เป็นคนใจเย็นเสมอ  ยังไงก็ได้ตามสบายไม่ขัดขืน  นี่เขาก็เพิ่งเคยเห็นมาร์คบ่นไม่หยุดแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน  เลยอดไม่ได้ที่จะกระเซ้ากลับ  “พี่ทำเหมือนพี่หึงผมเลยนะ”



มาร์คเงยหน้าจากหน้าจอที่กำลังซูมเข้าซูมออกเพื่อเช็คว่ามีมุมอันตรายเล็ดลอดมาให้เห็นหรือเปล่า  ร่างโปร่งชะงักไปเล็กน้อยแล้วว่า  “เฮ้ยเปล่า”



จินยองเริ่มขำกับท่าทีของมาร์คขึ้นมาเล็กน้อย  “จริงอ่ะ  ไม่หึงจริงเหรอ”



“ไม่ได้หึง” มาร์คย้ำชัดถ้อยชัดคำ  ดวงตาคมกริบจริงจังเสียจนคนมองเผลอใจสั่น  “ที่ทำอยู่เขาเรียกหวง”



คนที่นั่งอยู่บนฟูกรู้สึกว่าเลือดลมชักจะเดินดีผิดปกติ  ร่างกายของเขาร้อนผ่าวไปหมด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใบหน้าซึ่งดูจะร้อนเป็นพิเศษ  จินยองขยับตัวอย่างอึดอัด  มือไม้เก้งก้างจนไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนดี  ครั้นจะลุกหนีก็โดนมาร์คฉุดให้นั่งกับที่ไว้อีกรอบ



คนเป็นพี่วางโทรศัพท์ไว้บนพื้น  สองมือเอื้อมมากุมมือของจินยอง  ใช้นิ้วโป้งไล้ไปมาพลางเอ่ยขอ  “ไม่ใส่ขาสั้นอีกแล้วได้ไหม”



“เลือกได้ที่ไหน  เขาให้ใส่อะไรก็ต้องใส่แหละ” น้ำเสียงของจินยองก็อ่อนลงเช่นกัน  เขาปล่อยให้มาร์คลูบมือตัวเองไปแบบนั้นโดยไม่ได้สังเกตถึงวิธีการสัมผัสที่เปลี่ยนไปของอีกคนเลยสักนิด



“โอเค  ถ้าเป็นเรื่องงานพี่ไม่ว่า  แต่ถ้าปกติไม่ใส่ขาสั้นได้หรือเปล่า”



จินยองเถียงกลับ  “แต่นี่มันหน้าร้อนนะพี่มาร์ค  ให้ใส่ขายาวอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ”



“เชื่อสิ นายใส่ขาสั้นไม่ได้หรอก”



จินยองเลิกคิ้ว  “ทำไมจะใส่ไม่ได้”



มาร์คเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  ไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับผลักจินยองให้นอนลงกับฟูกก่อนจะปล้ำถอดกางเกงของเขาออกอย่างทุลักทุเลจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋ว



จินยองโวยวายเสียงดังลั่นพลางขยับหนีจนแผ่นหลังติดกำแพง  เขาชันเข่าขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเองพลางชี้หน้าอีกฝ่ายไปด้วย  “ออกไปเลย  อย่าเข้ามานะพี่บ้า”



ปาร์คจินยองไม่ใช่คนโง่  ฉายามนุษย์ 19+ ที่ได้รับมาก็ใช่จะเป็นเพียงคำพูดลอยๆ  เขารู้ดีว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น  แต่เขาจะไม่ยอมไอ้พี่บ้านี่เด็ดขาด  เรื่องอะไรจะปล่อยให้มาร์คใช้โอกาสนี้มาหากำไรจากเขากันเล่า



“อย่าาาา” จินยองดันหัวมาร์คที่กำลังคลานเข่าเข้ามาหาอย่างเต็มกำลังจนมาร์คกลิ้งล้มไปบนฟูก  ดีใจได้แค่สองวินาทีข้อเท้าของตัวเองก็ถูกกระชากอย่างแรง  ร่างของจินยองไถลลงมาจนตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน พี่ใหญ่ตัวร้ายพลิกตัวขึ้นมาคร่อมจินยองได้อย่างรวดเร็ว  ชำนิชำนาญเสียจนคนโดนกระทำได้แต่ค่อนขอดอยู่ในใจ  ข้อมือสองข้างของจินยองถูกยึดไว้ด้วยมือของคนข้างบน  ริมฝีปากร้อนประกบซ้ำลงมาโดยไม่เปิดโอกาสให้น้องน้อยได้อุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น 


             มาร์คเริ่มต้นอธิบายคำตอบของคำถามที่ว่าทำไมจินยองถึงใส่ขาสั้นไม่ได้อย่างเป็นรูปธรรม



พวกเขาจูบกันอยู่แบบนั้นจนหายใจไม่ทันทั้งคู่  มาร์คปล่อยให้ข้อมือของจินยองเป็นอิสระแล้วมอบจุมพิตร้อนแรงให้คนรักอีกครั้ง  แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ  มือบางของจินยองโอบรัดคนที่กำลังเอาเปรียบตัวเองไว้เสียแน่น  เล็บคมจิกลงที่เนื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างจงใจ  แต่กระนั้นมาร์คก็ยังไม่หยุดเกมนี้เสียที  ซ้ำยังแก้แค้นด้วยการงับแรงๆ ที่กลีบปากนุ่มจนจินยองได้รสฝาดเฝื่อนของเลือด



มืออีกข้างของมาร์คเลื่อนลงไปปลุกปั่นอารมณ์ของคนใต้อาณัติ  จินยองครางครึมในลำคอ  ไม่อยากยอมรับว่าพอใจแต่ก็ปฏิเสธสิ่งที่ร่างกายเผลอตอบสนองออกมาไม่ได้เลย  มาร์คถอนจูบออกก่อนจะย้ำหนักๆ ที่มุมปาก 



“พรุ่งนี้ทำงาน อย่าทิ้งรอยไว้นะ” ปาร์คจินยองตอนนี้ไร้การขัดขืนอย่างสมบูรณ์แบบ  เด็กหนุ่มปล่อยให้คนเป็นพี่เล่นสนุกกับร่างกายตัวเองได้ตามใจชอบ  โดยมีเงื่อนไขเดียวที่พวกเขาต่างรู้ดี  ซึ่งที่ผ่านมามาร์คก็ไม่เคยขัดบัญชาเลยสักครั้ง



ยกเว้นหนนี้แล้วกันนะ



“พี่มาร์ค!” จินยองร้องเสียงหลงเมื่อมาร์คงับแรงๆ ที่โคนขาด้านในก่อนจะออกแรงขบเม้มจนเกิดเป็นรอยแดงประปราย  “บอกว่าห้ามทำรอยไง”



“ตรงนี้ไม่มีใครเห็นหรอก” มาร์คเถียง  สายตาเจ้าเล่ห์ขึ้นมาฉับพลัน  “ยกเว้นแต่จินยองจะใส่ขาสั้นไปอวดใครเขาอีก”



แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อมาร์คเฉลยจุดประสงค์ที่แท้จริงของตัวเองออกมาเสียหมดเปลือก  จินยองกลอกตาอย่างอ่อนใจแล้วปล่อยให้คนรักสลักความเป็นเจ้าของบนตัวเขาได้เต็มที่  ร่างเพรียวครางอือทุกครั้งที่ลิ้นร้อนลากผ่านเนื้อผ้าบางอย่างจงใจแกล้งให้เขาอยากแล้วก็จากไป  ความเสียวซ่านเพราะสัมผัสที่มาร์คบรรจงฝังไว้ที่ต้นขายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนจินยองต้องเอื้อมมือไปจิกผมของอีกคนเพื่อระบายความอัดอั้นที่เกิดขึ้น



บ็อกเซอร์ตัวเก่งถูกถอดออกเมื่อเกมจริงกำลังจะเริ่ม  มาร์คเค้นคลึงที่ส่วนปลายจนจินยองเผลอบิดเอวตามสัมผัส    คุณนายแบบกำลังมีอารมณ์ร่วมด้วยเต็มที่  ดวงตากลมฉ่ำหวานปรือปรอยเสียจนคนมองยากจะควบคุมตัวเองอีกต่อไป  มาร์คจับจินยองให้นั่งชิดกำแพง  จัดท่าทางไม่ต่างไปจากรูปที่เขาถ่ายให้ซิงเกิลส์เลยสักนิด



“จะทำอะไร” จินยองถามเสียงอ่อนเมื่อเหลือบไปเห็นคนรักที่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเขารัวๆ  มือเล็กพยายามคว้าโทรศัพท์มาลบรูปตัวเองออกแต่ช้ากว่ามาร์คไปเพียงเสี้ยววิ  ร่างโปร่งไสอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองไปไกลจนยากจะเอื้อมถึงแล้ว



“ลบออกเดี๋ยวนี้นะ  อันตราย!”



“ลบทำไม มุมนี้นายเซ็กซี่ออก”



“พี่มาร์ค!”



“จ๋า”



จินยองอยากจะตบหน้ามาร์คแรงๆ สักทีข้อหากะล่อนไม่เข้าเรื่อง  แต่ถ้อยคำผรุสวาททั้งหลายก็ถูกกลืนลงไปเมื่อมาร์คเริ่มสอดนิ้วเข้าไปด้านหลัง  ร่างเพรียวครางอือ  ไม่เคยชินสักทีแม้ว่าจะผ่านเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน  เขารั้งมาร์คมากอดจูบอีกครั้งพลางปล่อยให้นิ้วเรียวของอีกคนทำหน้าที่ของตัวเองไป  อาจเป็นเพราะจินยองนั่งอยู่มันก็เลยเข้ามาได้ไม่ลึกเท่าที่ควร  เขาค่อยๆ เลื้อยตัวให้นอนราบไปกับฟูกเพื่อให้มาร์คสะดวกขึ้นอีกนิด  ก่อนจะเสียงหวานจะครางหวิวออกมาเมื่อปลายนิ้วกลางของคนขี้หึงสะกิดโดนบางอย่างในร่างกาย



มาร์คเหลือบตามองคนที่นอนหายใจติดขัดแล้วก็ยิ้มมุมปากส่งมาให้   มือหยาบล้วงเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางแล้วฟอนเฟ้นไปทั่วทั้งร่าง  จินยองหายใจหนักขึ้นกว่าเดิมพลางขยับสะโพกสอดรับกับจังหวะนิ้วของพี่ใหญ่



“ใจร้อนนะเราน่ะ” มาร์คอมยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย  ไม่บ่อยนักที่จินยองจะมีอารมณ์ร่วมมากขนาดนี้แม้จะไม่ได้เล้าโลมมากอย่างที่ควร



“ฮื้อ พอได้แล้ว  มันส..เสียว” มือน้อยของน้องตะปบเข้าที่มือข้างหนึ่งของร่างโปร่งที่กำลังสะกิดตุ่มไตด้านบน  ยิ่งเห็นแบบนี้มาร์คก็ยิ่งอยากแกล้ง  ชายหนุ่มก้มตัวลงไปงับส่วนที่จินยองปัดป้อง  แม้จะมีเนื้อผ้ากั้นอยู่แต่ก็เรียกเสียงครางหนักจากคนข้างใต้ได้ไม่น้อย  มาร์คดึงนิ้วออก  จัดแจงถอดเสื้อผ้าที่เหลือของจินยองออกทั้งหมดก่อนจะจัดการกับตัวเองบ้าง



มาร์คจับเขาพลิกตัวคว่ำในท่าคุกเข่า  ริมฝีปากร้อนจูบประทับที่เนินเนื้ออิ่มทั้งซ้ายขวา  แม้การกระทำหลายๆ อย่างจะดูเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ  แต่มาร์คก็มีมุมอ่อนโอนให้จินยองเผลอใจสั่นอยู่เสมอ



“พร้อมมั้ยที่รัก”



จินยองกัดปาก “ไม่  อ๊ะ”



มาร์คไม่ได้รอฟังคำตอบ  คนขี้แกล้งแทรกตัวเข้ามาทันทีจนจินยองจุกไม่หยอก 



“อย่าเพิ่งขยับนะ” เขาร้องบอก  ความเจ็บแล่นริ้วไปตามไขสันหลัง  จินยองหายใจเข้าลึกๆ พยายามไม่เกร็งเพราะรู้ว่าคนรักก็โดนบีบรัดหนักหน่วงไม่ต่างกัน  เขาได้ยินเสียงสูดปากเบาๆ จากอีกฝ่ายเมื่อเริ่มขยับตัวหลังจากผ่านชั่วครู่   จินยองจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ตามแรงอารมณ์ที่ถูกโหมให้สูงขึ้น  มาร์คเคลื่อนไหวเชื่องช้า  แต่ลึก  และแรงเสียจนเผลอร้องเสียงหลงออกมาทุกครั้ง



“เลิกแกล้งได้แล้ว” จินยองพูดเสียงสั่น  ปกติมาร์คเป็นพวกเปิดเกมเร็ว  ครั้นจะมาพิถีพิถันแบบตอนนี้พูดเลยว่าหาได้ยาก  มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละที่ร่างโปร่งจงใจทรมานเขาเล่นแบบนี้



“ขาจินยองเป็นรอยเต็มเลยอ่ะ  งี้ก็ใส่ขาสั้นไม่ได้แล้วสิ” ผิดเสียที่ไหน  ไอ้ผู้ชายกะล่อน



“เออ ไม่ใส่ก็ไม่ใส่” เขาว่าอย่างจำนน



“เด็กดี  งั้นหลังจากนี้พี่คงต้องเช็คบ่อยๆ ว่ารอยจางลงหรือยัง  ถ้าจางแล้วก็เติมใหม่เนอะ”



“ไอ้--  อ๊าา” ยังไม่ทันที่จินยองจะได้ด่ามาร์คก็จงใจกระแทกตัวเข้ามารุนแรงจนเรียวขาของเขาสั่นระริก



มาร์คถอนตัวออกอีกครั้ง  จัดแจงให้จินยองลงไปนอนหงายแล้วตามมาบดจูบ  มือเรียวก็ปรนเปรออีกคนไปด้วยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  รู้ตัวอีกทีตัวตนของมาร์คก็เข้ามาอยู่ในตัวเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว  สองมือประคองขาของจินยองเอาไว้ก่อนจะปรับจังหวะให้เร็วขึ้น



ร่างกายของจินยองโยกคลอน  เสียงหวานร่ำร้องไม่เป็นภาษา  ในฐานะผู้ชายด้วยกันแม้ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามาร์คเก่งมาก  ชายหนุ่มเหวี่ยงอารมณ์เขาให้ขึ้นลงเหมือนเล่นรถไฟเหาะ  มีจังหวะดำดิ่ง  เสียววูบ  ล่องลอย  และหวาดหวั่น  แต่รวมๆ แล้วทั้งหมดล้วนทำให้เขาแทบขาดใจตายด้วยความเป็นสุข



“อ่า...” มาร์คครางต่ำในขณะที่ปลดปล่อยออกมา  ส่วนจินยองน่ะตีตั๋วล่วงหน้าไปสักพักแล้ว  ชายหนุ่มถอนตัวออกแล้วเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดให้เขาที่นอนหมดแรงอยู่  ไร้แม้แต่แรงจะปัดป้องเมื่อมาร์คเริ่มทำรอยคิสมาร์คซ้ำที่จุดเดิมอีกครั้ง



“เอาล่ะ  แค่นี้ก็ใส่ขาสั้นไม่ได้แล้ว” ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุขแล้วโถมตัวมากอดจินยองเอาไว้แน่น



ร่างเพรียวขยับตัวอีกอย่างอึดอัดแต่ก็สู้แรงลูกลิงต้วนไม่ได้เลยยอมปล่อยเลยตามเลยไปแบบนั้น



และเมื่อมือไม้ของมาร์คเริ่มจะอยู่ไม่สุข  จินยองก็รู้ดีว่าคืนนี้ของเขายังอีกยาวไกลนัก






END.







______ Let's TALK!

ใครต้านทานจินยองใน Singles ไหวก็ไม่ใช่คน(หื่น)ค่ะ
ไม่มีเนื้อเรื่องใดๆ ทั้งนั้น แต่จุดๆ นี้ชีวิตก็ไม่ต้องการอย่างอื่นแล้วค่ะ (นังอลจ....)
คุยกันใน #ฟิคอลจ ค่า




อลจ.
150618

June 09, 2015

BSON | Like A Fool





Title :: Like A Fool
Author :: AliceJay
Genre :: Romantic/Drama
Pairing :: Jaebum/Jackson
Theme song ::  Like A Fool - Keira Knightley









We take a chance from time to time
And put our necks out on the line
And you have broken every promise that we made




ผมคิดว่าผมกำลังจะเป็นบ้า
‘หวังเจียเอ๋อ’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม  ไร้ข้อแก้ตัว
มีเพียงใบหน้าเรียบเฉยที่ระยะหลังผมเริ่มจะคุ้นเคย
เฉยชา
ว่างเปล่าเสียจนมองแล้วหัวใจกระตุก




มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องขอโทษ
และมันก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องให้อภัย




เราต่างพลาดพลั้งด้วยกันทั้งคู่
ความผิดครึ่งหนึ่งเป็นของเขา  ความผิดอีกครึ่งเป็นของผม
สัญญาที่เคยให้กันไว้พังลงราบคาบเมื่อความเหงาออกฤทธิ์ร้ายแรงกว่าที่คิดไว้
เราห่างกันเพราะผมไม่มีเวลาให้




เขาเบื่อ
เขาจึงแก้เบื่อด้วยการคุยกับใครอีกคน




“พี่เสียใจ”
“ผมก็เสียใจ”
“เหรอ? ทำไมเมื่อกี้ยังเห็นยิ้มหน้าระรื่นอยู่เลยล่ะ?”
“ผมเสียใจที่คนที่ควรจะทำให้ผมยิ้มแบบเมื่อกี้ไม่ใช่พี่  พี่หายไปจากชีวิตผมแล้ว  หายไปนานเหลือเกิน”
“ก็งานยุ่ง”
“ผมรู้  ผมถึงแก้ปัญหาด้วยวิธีของผมเองไงครับ  เพราะไม่ว่าผมจะเรียกร้องจากพี่มากเท่าไร  พี่ก็ไม่เคยสนใจผมมากกว่าเดิมสักที”




สถานะของเรากำลังอยู่ในจุดเปราะบาง
เขาพร้อมจะไป  น้ำเสียงของเขาบอกผมทุกอย่าง
แต่เขาก็พร้อมจะอยู่  ดวงตาของเขาไม่เคยโกหก
มันก็แค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในจุดหนึ่งของความสัมพันธ์



And I have loved you anyway



แต่เรายังรักกัน
ผมยังรักเขา
นั่นแหละประเด็น












Took a fine time to leave me hangin' out to dry
Understand now I'm greivin'
So don't you waste my time
Cause you have taken
All the wind out from my sails



ผมเพิ่งรู้ว่าผมสามารถโกรธจนตบหน้าใครสักคนได้ก็วันนี้
‘อิมแจบอม’ ยืนอยู่ตรงหน้าผม  ไร้ข้อแก้ตัว
มีเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดที่พักหลังเห็นจนชินตา



เขาผิดนัดผมเป็นรอบที่ร้อย  เหตุผลก็เดิมๆ
ไม่ว่าง ประชุมอยู่ ต้องไปหาลูกค้า มีเอกสารต้องอ่าน
ผมพยายามจะไม่งี่เง่า  รู้ว่าเขาต้องสร้างอนาคต
ชีวิตชนชั้นกลางมีทางเลือกไม่มากนัก  เงินไม่สามารถเสกขึ้นมาได้จากอากาศ
เขาทำงานหนักเพื่อให้เราสบาย



พี่แจบอมไม่รู้  ไม่เคยรู้
ผมไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ใช้เวลาร่วมกับเขาบ้าง



“ผมรอพี่อยู่สี่ชั่วโมง”
“มีงานด่วนที่เข้ามาพอดี  เข้าใจหน่อย”
“พี่ควรจะโทรบอกผมบ้าง  ไม่ใช่ปล่อยให้ผมยืนโง่อย่างไร้จุดหมายกับตั๋วหนังสองใบและป๊อปคอร์นรสชาติที่ผมไม่ชอบ”
“แล้วซื้อมาทำไม”
“เพราะผมรู้ว่าพี่ชอบ  และผมก็ชอบพี่มาก  แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าแค่ชอบอย่างเดียวมันพอไหม”
“เจียเอ๋อ”
“ผมเหนื่อยแล้ว  เราควรห่างกันไหม”
“….”
“นะ”



And I have loved you just the same




ผมจากมา
ความรักคืออะไรผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
รู้แค่ว่ามันกำลังทำร้ายเราทั้งคู่
โกรธ เกลียด เสียใจ
แต่ผมไม่เคยรักเขาน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว










We finally find this
Then you're gone
Been chasin' rainbows all along




ผมยังเป็นผม
อิมแจบอมมนุษย์บ้างานที่หวังเจียเอ๋อแสนชิงชัง
ต่างจากเดิมหน่อยตรงที่ผมลาออกจากงานแล้ว  ตอนนี้กำลังเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง
ล้มลุกคุกคลานจนในที่สุดก็ตั้งตัวได้




ผมมีเวลา
แต่ผมไม่มีเจียเอ๋ออีกต่อไป
บ่อยครั้งที่เผลอโทรไปหา  เจียเอ๋อก็ตัดสายทิ้งทุกครั้ง




เพิ่งเข้าใจว่าการอยากเจอใครสักคนแต่เขาไม่มาให้เจอมันรู้สึกอย่างไร
เพิ่งเข้าใจว่าความเหงามีผลแค่ไหนต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน
มีคนมากมายรายล้อม  แต่ก็ยังเหงาอยู่ดี




หวังเจียเอ๋อจากไปแล้ว
ผมไม่มีความสุข
เพราะหวังเจียเอ๋อนั่นแหละคือความสุข




And you have cursed me
When there's no one left to blame
And I have loved you just the same




ผมอึดอัด
แฟนใหม่ผมมีเวลาให้ผมยี่สิบสี่ชั่วโมง  เจ็ดวันต่อสัปดาห์
เขาเป็นลูกคนรวย  อยากได้อะไรแค่เปรยเล็กน้อยก็ได้
ซึ่งบางทีก็แค่อยากได้  แต่ไม่อยากซื้อสักหน่อย
เขาทำให้ผมอึดอัด




แต่เขาเป็นคนดี
ดีมากๆ
ดีชนิดที่พี่แจบอมเทียบไม่ติด
พี่มาร์คเป็นนิยามของคำว่าเพอร์เฟ็ค
และเพราะเขาดีเกินไปนี่แหละผมจึงเจ็บปวด
เจ็บปวดที่ความดีไม่อาจทำให้ผมรักเขาได้มากเท่าอีกคน




เสียงริงโทนที่ตั้งไว้เฉพาะคนใจร้ายดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจนัก
ขณะนี้เป็นเวลาตีสองนิดๆ  ปกติพี่แจบอมไม่เคยโทรมาเวลานี้หรอก  นั่นทำให้ผมอดเป็นกังวลไม่ได้
เขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า  เกิดอะไรขึ้นหรือ
ตลอดปีกว่าที่เราไม่ได้คุยกันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ผมกัดปาก  มองหน้าจอมือถืออย่างชั่งใจ
สุดท้ายก็พ่ายแพ้หัวใจตัวเองอยู่ดี




“ฮัลโหล”
(“เจียเอ๋อ”)
“เมาเหรอ”
(“อืม  คิดถึงด้วย”)
“…”
(“ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ  พี่คิดถึงเจียเอ๋อจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”)
“พูดช้าไปหรือเปล่า  ตอนมีโอกาสให้พูดทำไมไม่พูดล่ะ”
(“เคยคิดว่าตัวเองฉลาด  จริงๆ แล้วโง่เอง”)
“…”
(“กลับมาได้ไหม”)
“ผมมีแฟนใหม่แล้ว”
(“กลับมาเถอะนะ”)
“…”
(“นะ”)
“ทำไมผมต้องกลับไป  พี่ใจร้ายกับผมขนาดนั้นผมไม่ลืมหรอกนะ”
(“ถ้าเจียเอ๋อไม่รักพี่แล้ว  เจียเอ๋อคงไม่ยอมรับโทรศัพท์พี่”)
“คิดไปเอง”
(“แล้วคิดถูกไหม”)




And you have broken every single fucking rule



“อืม”





And I have loved you like a fool.








FIN.