November 13, 2014

MarkNior | Fallen Angel

Title ::  Fallen Angel
Author :: AliceJay
Pairing :: Yien / Jinyoung









Fallen Angel
(MarkNior version)







‘น่ารักทั้งในจอและนอกจอ  นิสัยดีี  อ่อนโยน’

คำนิยามที่เหล่าแฟนคลับและนักข่าวพร้อมใจกันตั้งให้ ‘ปาร์คจินยอง’ มาตั้งแต่เข้าวงการ
หากแต่ใครจะรู้ว่าถ้ามีคนกล้ามายุ่งกับคนของเขา
คุณอาจจะได้เห็นนางร้ายชั้นแนวหน้าในร่างของหนุ่มน้อยคนนี้ก็เป็นได้

ไม่เชื่อหรือ?



ก็ลองยั่ว ‘ต้วนอี้เอิน’ ดูสิ ..





::::::::::::::::::::::




ทำไมต้วนอี้เอินถึงได้เลือกปาร์คจินยอง?


คำถามยอดฮิตที่ใครหลายคนแอบสงสัยอยู่ในใจ  ‘ต้วนอี้เอิน’ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงทายาทกิจการนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของเกาหลีกับเซเลบหนุ่มหน้าหวานอย่างจินยองดูยังไงก็ไม่เข้ากันสักนิด


อี้เอินเจ้าชู้เงียบ  และจินยองก็ดูใจดีจนไม่น่าจะตามทันอีกฝ่าย


ถ้าเปรียบต้วนอี้เอินเป็นไฟ  จินยองก็คงเป็นน้ำ  ไม่มีคุณสมบัติข้อไหนที่ระบุได้ว่าคนทั้งคู่น่าจะไปกันรอดเกินสองเดือน  แต่นอกจากจะหักทุกปากกาเซียนด้วยการคบกันยาวนานกว่าสามปีแล้ว  คู่รักคนดังคู่นี้ยังควงกันโชว์หวานอย่างเปิดเผย  ไม่แคร์ขาเม้าท์หน้าไหนทั้งสิ้นอีกต่างหาก

เป็นที่รู้กันดีว่าสังคมเกาหลียังไม่มีพื้นที่มากนักให้กับความรักที่ไม่ใช่ชายหญิง  ดังนั้นเมื่อคราวที่พวกเขายอมเปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณะ   เรื่องนี้จึงเป็นข่าวใหญ่มาก  เพราะเป็นคนดังคู่แรกๆ ที่ยอมเสี่ยงในการแหวกม่านประเพณีดั้งเดิม  แน่นอนว่าทั้งคู่โดนกระแสโจมตีอยู่ไม่น้อย  แต่ที่น่าประหลาดใจกว่าคือกระแสสนับสนุนที่มีมากกว่าหลายเท่าตัว

อาจเพราะใครๆ ก็ชอบเรื่องรักต้องห้าม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรักต้องห้ามที่มีตัวเอกราวกับหลุดมาจากเทพนิยายอย่างต้วนอี้เอิน -  ผู้ชายเพอร์เฟ็คที่ยอมเอาอนาคตของตัวเองมาเดิมพันเพียงเพื่อแลกกับการที่ได้รักปาร์คจินยองอย่างเปิดเผย


คำถามต่อมาที่ทุกคนพร้อมใจกันตั้งให้เป็นประเด็นร้อนในอินเตอร์เน็ตก็คือ..


แล้วปาร์คจินยองมีอะไรดีให้น่าเสี่ยงด้วย??






“นั่นสิ คนอย่างปาร์คจินยองน่ะมีอะไรดี” ยูคยอมถามขึ้นมาเสียงดังๆ เพื่อให้คนที่นอนเล่นไอแพดอยู่ได้ยิน ร่างสูงเลื่อนดูความคิดเห็นของบรรดาขาเม้าท์ทั้งหลายที่ต่างโพสความเห็นกันเป็นเสียงเดียวว่า ‘เพราะจินยองน่ารักมากๆ ทั้งหน้าตาและมารยาท นางงามแบบนี้พี่ช๊อบชอบ!’ แล้วก็ได้แต่พรูลมหายใจอย่างคิดค้าน


ถ้าคุณเคยดูซีรีส์เรื่อง ‘You who came from the stars’ คุณคงจะรู้ดีว่าชอนซงอี  นางเอกพันหน้าคนนั้นเล่นละครเก่งและแนบเนียนเพียงไร  แต่เชื่อเถอะว่าเทียบไม่ได้กับปาร์คจินยองคนนี้เลยสักนิด... ถ้าซงอีได้รางวัลออสก้าประจำปี  จินยองคงได้รางวัลยูนิเวิร์สเลยกระมัง


ยูคยอมนึกอยากจะแกล้งโพสต์แฉเจ้าตัวแสบนี่ขึ้นมาตงิดๆ
อะไรจะเป็นคนดีในสายตาเช้าบ้านเขาได้ขนาดนั้น!


“หยุดความคิดบ้าๆ เลยนะยูคยอม” จินยองที่บัดนี้ย้ายมายืนหลังยูคยอมแล้วพูดออกมา ร่างโปร่งเบียดคนที่เป็นทั้งน้องชายและผู้จัดการส่วนตัวไปให้พ้นหน้าแลปท็อปก่อนจะเช็คความคิดเห็นเหล่านั้นเสียเอง


“แต่งตัวให้มันเรียบร้อยนี่มันยากมากหรือไงฮะ” ยูคยอมบ่นอุบขณะไล่สายตามองพี่ชายคนเดียวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งยาวพอจะปิดแค่ต้นขาขาวๆ เท่านั้น


จินยองยักไหล่อย่างไม่แคร์ “อย่าบ่นน่า  อยู่กันสองคนเองไม่มีใครเห็นสักหน่อย”


“เลิกแอ๊บแบ๊วซะทีเหอะ  ผมเห็นแล้วขัดหูขัดตา” ร่างสูงกระแทกตัวลงที่โซฟาเนื้อนุ่มแล้วเอ่ยเซ็งๆ


จินยองหัวเราะ  ยูคยอมก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอล่ะ ชอบบ่นเป็นคนแก่ แต่งตัวก็เหมือนคนแก่  ถึงได้ไม่แฟนสักที  เขาอมยิ้มไปกับความคิดของตัวเองขณะไล่อ่านข้อความในบอร์ดซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เชียร์ “อี้จิน” สุดใจขาดดิ้น


เขายกยิ้มพลันนึกถึงนิยามความรักของตัวเองที่เคยคิดไว้ในใจ


..เทวากับซาตาน..


จะมีอะไรที่ท้าทายและเหมาะสมไปกว่านี้อีกหรือ?






RRRRRrrrrrrrrr





เสียงโทรศัพท์เครื่องบางของยูคยอมดังขึ้น  คนเป็นน้องละสายตาจากหนังสือ Fifty shades of grey แล้วกดรับสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ  ใช้เวลาเพียงห้าวินาทีรอยยิ้มก็ถูกวาดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาพร้อมกับสายตาเยาะแกมเย้ยที่ถูกมาให้เขา


จินยองกัดฟันกรอด... ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำไมยูคยอมถึงได้ยิ้มกริ่มขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีสายโทรมารายงานเรื่องอี้เอินกับผู้หญิงอีกแล้ว  ยูคยอมรู้สึกสนุกเสมอกับการที่ได้เห็นจินยองหัวหมุนในการแก้ปัญหาเรื่องนี้


คุณผู้จัดการส่วนตัววางสายโทรศัพท์แล้วหันมาทางพี่ชาย “ผมบอกแล้วว่านางฟ้าน่ะไม่เหมาะกับนิยามของพี่หรอก..” ร่างสูงวาดรอยยิ้มที่จินยองแสนจะชิงชังบนใบหน้า “...เพราะนิสัยพี่น่ะมันปีศาจชัดๆ!”


จินยองคลายปมที่ขมวดอยู่ที่คิ้วออกก่อนจะยิ้มอย่างเป็นต่อให้น้องชาย   แววตามีประกายซุกซนอย่างเด็กเจอของเล่นถูกใจ   “งั้นคงได้เวลาตัวมารออกโรงอีกแล้วสิ”




::::::::::::::::::::::




จินยองหยิบแว่นตากันแดดสีทึบของตัวเองขึ้นมาใส่ ตาเรียวรีจับจ้องอยู่ที่นางแบบสาวดาวรุ่งที่กำลังเดินควงมากับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าแฟนของตนอยู่


“โอ๊ะโอ ... คราวนี้สวยแฮะ” ยูคยอมพูดเสียงยียวนแต่ใบหน้าเรียบเฉย  นั่นยิ่งเร้าอารมณ์ให้จินยองร้อนมากขึ้นไปอีก


“หน้าด้าน  รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขามีเจ้าของแล้ว” ร่างโปร่งสบถเบาๆ แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อต่อสายไปยังคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน





.
.
.






อี้เอินที่ยังคงอยู่ในสายตาของจินยองและยูคยอมหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่ามีแรงสั่นน้อยๆ ที่กระเป๋าสูทด้านใน “แปปนะครับ” เขาว่าพลางยิ้มหวานให้กับสาวสวยที่เพิ่งตกมาได้เมื่อวาน  แต่แล้วหน้าจอที่โชว์ชื่อของคนรักก็ทำให้รอยยิ้มนั้นค่อยๆ เจื่อนลง


“ใครหรือคะ?” นางแบบสาวถามขึ้นมาทั้งๆ ที่เห็นอยู่เต็มตาว่าชื่อที่อยู่หน้าจอคือใคร


อี้เอินเลือกที่จะตอบตามความเป็นจริง “จินยองน่ะครับ แฟนพี่เอง”


หญิงสาวหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยที่อี้เอินพูดอะไรไม่ไว้หน้าเธอเลย  แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าร่างสูงข้างๆ นี้ไม่มีวันมอบหัวใจให้ใครนอกเสียจากปาร์คจินยอง ดารารุ่นพี่แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก  แต่ในเมื่อเวลานี้เขากำลังควงอยู่กับเธอ แล้วทำไมเธอต้องยอมด้วยล่ะ


“อย่ารับเลยนะคะ”


อี้เอินเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจเจตนา


เธอยิ้มละไม  มือเรียวสัมผัสที่ต้นแขนของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน “ตอนนี้พี่อี้เอินอยู่กับซอนจี  ให้มีแค่เราไม่ได้หรือคะ?”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นอี้เอินก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า   มองเผินๆ อาจจะเหมือนอี้เอินเองก็เห็นชอบกับความคิดที่ว่า  แต่ในความเป็นจริงซอนจีกลับสัมผัสได้แต่ความเย็นชาฉับพลันที่อีกฝ่ายมอบให้


“ไม่เคยมีคำว่า ‘เรา’ ครับ พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าเราควงกันเล่นๆ สนุกๆ น่ะได้  แต่พี่รักซอนจีไม่ได้  มอบความผูกพันลึกซึ้งให้ก็ไม่ได้อีก”


เธอปล่อยแขนออกจากร่างสูง  สีหน้าแสดงความผิดหวังผสมโกรธเกรี้ยวออกมาชัดเจน “พี่มันเห็นแก่ตัว”


“ครับ ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกยุ่งกันแล้วกันนะ” อี้เอินเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ใบหน้าเสมอแม้ในยามที่โดนด่า


แต่มีหรือที่เธอจะยอม เธอหลงรักชายหนุ่มมาตั้งหลายปี  เธอไม่มีวันยอมให้อุปสรรคอย่างปาร์คจินยองมาขัดขวางความรักของเธอเด็ดขาด  ถ้าผู้ชายอย่างต้วนอี้เอินใช้ไม้แข็งด้วยไม่ได้  เธอก็จำต้องใช้ไม้อ่อนไปก่อนเพื่อรักษาสถานภาพเอาไว้  “ซอนจีขอโทษค่ะ  พี่รีบรับโทรศัพท์เถอะค่ะ  เดี๋ยวพี่จินยองจะสงสัย”


ความเยียบเย็นในแววตาของอี้เอินหายไปทันที  เขายิ้มละมุนให้อีกฝ่าย  “ขอบคุณที่เข้าใจอะไรง่ายๆ นะครับ”






.
.
.





“ทำอะไรอยู่ครับอี้เอิน” ร่างโปร่งส่งเสียงถามอย่างร่าเริงขณะที่เฝ้าจับตามองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไปด้วย


(“กำลังจะออกไปทานข้าวกับลูกค้าน่ะครับ จินยองมีอะไรหรือเปล่า”)


“คิดถึงน่ะ คิดถึงมากๆ เลยด้วย อยากเจออี้เอินจัง อ๊ะ! ขอโทษครับ ผมไม่น่าพูดแบบนี้ตอนอี้เอินทำงานเลย ลืมมันไปเถอะครับ ตั้งใจทำงานล่ะ   รักอี้เอินนะครับ” จินยองแสร้งพูดด้วยรู้ดีว่าอีกไม่นานอี้เอินจะต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นมาหาเขาแน่นอน  จินยองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน  แต่จากสถิติตลอดสามปีที่ผ่านมา  หากจินยองบอกว่า ‘อยากเจอ’ ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้วนอี้เอินจะปฏิเสธ

จะบอกว่าเพราะอี้เอินทั้งรักทั้งหลงเขาก็ดูจะหลงตัวเองไปหน่อย   แต่เขาก็หาคำตอบที่เข้าท่ากว่านี้มาอธิบายไม่ได้อีกแล้ว


(“จินยองอยู่ที่ไหนหรือครับ”)


“อยู่บ้านคนเดียวน่ะครับ  ยูคยอมหายไปไหนแต่เช้าก็ไม่รู้...” ทอดน้ำเสียงออดอ้อนพลางปรายตามองคนที่ถูกพาดพิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ


ยูคยอมเบ้ปากแล้วนั่งเล่นมือถือต่อไป


(“งั้นเดี๋ยวผมไปหานะ”)


“อย่าเลยครับ! อย่าให้จินยองทำงานของอี้เอินเสียสิ”


(“ไม่หรอกครับ เราคุยธุระกันเสร็จแล้วน่ะ จินยองอยากได้อะไรมั้ยครับ?”)


จินยองวาดรอยยิ้มร้ายๆ ที่อี้เอินไม่มีทางมองเห็น “อยากกินสปาเก็ตตี้มีทบอลร้านเดิมน่ะ  อี้เอินช่วยแวะซื้อมาให้หน่อยได้มั้ย?”


(“รับบัญชาครับเจ้าหญิง”)


จินยองวางสายโทรศัพท์แล้วหันมามองหน้ายูคยอมเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่าทุกสถานการณ์ “เขาเลือกฉัน”


“เขาอาจจะมีอะไรกันเสร็จแล้วก็ได้นะ”


“ระหว่างทางจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกฉัน” จินยองไม่ได้แกล้ง แต่เขาคิดอย่างนี้จริงๆ  อี้เอินเป็นผู้ชายเจ้าชู้มากกว่าที่ใครจะคิด   มากจนเขารู้ดีว่าคงไม่อาจเป็นคนเดียวของอี้เอินได้ในทางพฤตินัย    เขาไม่สนหากอี้เอินจะแอบไปมีใครข้างหลังเขา   ตราบใดที่สถานะของตนยังสูงกว่าคนพวกนั้น

สารภาพว่าการได้เป็น ‘แฟน’ ของต้วนอี้เอินอย่างออกหน้าออกตาไม่ใช่เรื่องหวานแหววดุจนิยายอย่างที่คนในอินเทอร์เน็ตคิดกันไปหรอก   ทั้งหมดน่ะล้วนวางแผนมาอย่างดีแล้ว 

จะจับเสือก็ต้องเข้าทางแม่
และจินยองก็โชคดีที่แม่ของอี้เอินเองก็รักเขามากจนไปบีบลูกชายตัวเองให้ออกมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่ดี



เบื้องหลังนี้ต้วนอี้เอินไม่เคยรู้  และไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องรู้


“ไม่รู้สึกแย่หรือใช้แฟนร่วมกับคนอื่นน่ะ” ยูคยอมพูดขึ้นมา   ตั้งใจยั่วอารมณ์พี่ชายอีกรอบ


จินยองหลุดจากภวังค์ของตัวเอง  ร่างโปร่งยิ้มกริ่ม   “นายก็รู้ดีว่าฉันมีวิธีของฉัน  แต่มันคงไม่สำเร็จหากไร้ความร่วมมือจากคิมยูคยอมนะครับ”




::::::::::::::::::::::





“พี่ต้องไปแล้ว” เขาหันไปบอกซอนจีเสียงเรียบ


“ช่วยไปส่ง...”


“ขอโทษทีนะครับ พี่รีบจริงๆ เดี๋ยวพี่เรียกแท็กซี่ให้นะ” วาจานุ่มนวลหากแต่กรีดลึกลงในใจของคนฟังถูกเอื้อนเอ่ยจากปากของต้วนอี้เอิน   มันตอกย้ำอีกครั้งว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีค่าสำหรับเขาเลยสักนิด


เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเอ่ยถาม “ฉันถามอะไรพี่อย่างหนึ่งได้มั้ยคะ?”


“ได้สิ”


“ถ้าพี่รักพี่จินยองมาก ทำไมพี่ไม่หยุดคะ ทำไมพี่ไม่มองที่พี่จินยองคนเดียว พี่ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่พี่ทำมันก็คือการหักหลัง” เธอกำลังจะร้องไห้  ทั้งๆ ที่ผู้หญิงสวยเลือกได้อย่างเธอไม่ควรจะต้องมาตกอยู่ในภาวะเป็นสองเช่นนี้


อี้เอินยิ้มอีก “ผู้ชายไม่เคยพอครับ”


“แม้มันจะทำร้ายคนที่พี่รักที่สุดก็ตามหรือคะ?”


“....”


“....”


“รถมาแล้ว ไปเถอะครับ” คำไล่กลายๆ นั่นทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอบอกลาเขาแล้วขึ้นรถไป


อี้เอินมองไปจนแท็กซี่คันนั้นลับสายตาแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา




“ถ้าพี่รักพี่จินยองมาก ทำไมพี่ไม่หยุดคะ ทำไมพี่ไม่มองที่พี่จินยองคนเดียว พี่ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่พี่ทำมันก็คือการหักหลัง”




คำพูดนั้นตบหน้าเขาเต็มๆ




::::::::::::::::::::::




ซอนจีพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมาแม้ว่าจะเจ็บไปหมด เธอนั่งมองทิวทัศน์ที่แล่นผ่านถนนไปอย่างรวดเร็ว  แล้วจู่ๆ แท็กซี่คันดังกล่าวก็หักรถเข้าข้างทางที่เป็นสวนสาธารณะค่อนข้างเปลี่ยว


“เกิดอะไรขึ้น จอดรถทำไม!”


“มีคนอยากคุยกับคุณ”


เธอเลิกคิ้วด้วยความสนเท่ แต่แล้วร่างบอบบางที่ลงมาจากพอร์ชคันงามก็เฉลยทุกอย่างออกมา เธอพยักหน้าแล้วลงจากรถ


“ปาร์คจินยอง” เธอเอ่ยทักคนที่ยืนพิงรถตัวเองอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ


“สงสัยจะไม่เคยเรียนเรื่องมารยาท บ้านเธอเรียกรุ่นพี่ด้วยชื่อเฉยๆ แบบนี้น่ะหรือ”


ซอนจีเสยผมขึ้น “กับคนบางคนก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย”


“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอี้เอินถึงไม่แคร์เธอ” ผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้จักพูดลอยๆ เหมือนจงใจจะพูดกับดินฟ้าอากาศมากกว่า   หน้าตาไร้อารมณ์นั่นกวนประสาทจนเธอเริ่มหงุดหงิด


“หมายความว่ายังไง!”


ยูคยอมยักไหล่ “อืม โง่ด้วย”


“มีธุระอะไรก็ว่ามา ฉันไม่ใช่พวกว่างงานเหมือนนาย!” เธอกระชากเสียง


“ถ้างานยุ่งจริงคงไม่มีเวลามายุ่งกับแฟนชาวบ้านเขาหรอกจริงมั้ย” จินยองหัวเราะ  “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวหลังจากนี้ก็ได้ว่างจริงๆ แล้วแหละ”


ซอนจีกัดฟันกรอด คำเตือนจากรุ่นพี่ในวงการว่าปาร์คจินยองน่ะร้ายย้อนกลับเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง  เธอไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งได้มาเห็นร่างมารของอีกคนด้วยตาของตัวเอง


“รู้ใช่มั้ยฉันเป็นอะไรกับอี้เอิน” จินยองที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เอ่ยถาม


และแทบจะทันทีที่ซอนจีตอบกลับไป “นางบำเรอ”


“เธอไม่น่าบังคับฉันเลย” จินยองพูดด้วยเสียงเหมือนคนจะร้องไห้   แต่ดวงตากลับกำลังประกาศชัยชนะจนคนมองรู้สึกไม่ปลอดภัย  


ซอนจีไม่มีวันรู้เลยว่าปาร์คจินยองคิดจะทำอะไร  ในเสี้ยววินาทีที่เธอคิดจะวิ่งหนีขึ้นแท็กซี่ไป  แต่เมื่อมองไปด้านหลังก็พบกับความว่างเปล่า


หญิงสาวตกหลุมพลางของปีศาจน้อยเข้าจนได้ 


ทั้งๆ ที่ใจสั่นไปหมด  แต่ทิฐิก็ทำให้เธอจมไม่ลงอยู่ดี  “กลัวแพ้หรือไงถึงต้องหลอกให้ฉันมาเจอในที่แบบนี้  กลัวว่าพี่อี้เอินเขาเลือกฉันแล้วจะทนไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ  เหอะ  นางฟ้าใสซื่อของวงการบันเทิง  หลอกลวงสิ้นดี!  คอยดูนะฉันจะแฉจนแกไม่มีที่ยืนอีกเลยนังนางบำเรอ!”


“เธอ!”   ได้ผล  คำพูดของซอนจีกระตุ้นต่อมโมโหของจินยองให้ทำงานเข้าจนได้


“นางบำเรอนั่นมันเธอไม่ใช่หรือไง จำหน้าที่ผิดไปหรือเปล่า” ยูคยอมพูดลอยๆ ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขัดอารมณ์ของพี่ชาย  แม้แต่ตอนนี้ใบหน้าใต้กรอบแว่นหนาก็ยังไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกเสียจากความเหนื่อยหน่าย   “ความจริงหน้าตาเธอก็ดีนะ  ไปหาสามีที่เป็นของตัวเองซะเถอะ  อย่ามาเสียเวลากับต้วนอี้เอินเลย  เป็นเมียน้อยมันไม่สนุกหรอกสาวน้อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่เขามีเมียหลวงเป็นผู้ชาย  นี่อายแทนนะพูดตรงๆ”


“พูดดีๆ ก็เป็นนี่” จินยองดูอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยหลังจากยูคยอมพูดจบ  ร่างโปร่งก้าวเข้ามาประชิดตัวซอนจีก่อนจะบีบที่คางของหญิงสาวอย่างแรง  


ซอนจีพยายามจะสะบัดตัวหนีแต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้   เธอโกรธจัดจนพูดไม่ออก  หากตอนนี้มีใครถามว่าสิ่งที่เกลียดที่สุดในโลกคืออะไร   เธอไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่าแววตาของปาร์คจินยองที่กำลังมองมา


และ.. โดยที่ไม่มีใครคิด


จินยองก้มตัวลงบดเบียดริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง  เขาจับมือของซอนจีให้รั้งใบหน้าของเขาไว้จนเหมือนกับว่าเธอเป็นคนเริ่มเกมนี้เอง


ยูคยอมที่กำลังมองภาพเบื้องหน้าผ่านโหมดบันทึกวีดีโอในโทรศัพท์มือถือของตนเบ้ปากออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นพี่ชายทุ่มทุนแสดงจริงมากเกินไปหน่อย


“จูบฉันทำไม!!!”  ทันทีที่ผละออกซอนจีก็โวยวายออกมาเสียงดัง  สมองมึนงงกับพฤติกรรมเข้าใจยากของคนที่ถือศักดิ์ว่าตัวเองเป็นเมียหลวง


“ไม่ได้พิศวาสหรอกนะ” จินยองว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปหายูคยอม   คุณผู้จัดการชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี  ร่างโปร่งพยักหน้าพอใจก่อนจะหันมาหาซอนจีอีกที   รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับข้อความทิ้งท้ายให้อีกฝ่ายสงสัยเล่นๆ


“อ่านหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้ด้วยนะ”





::::::::::::::::::::::






เสียงสะอื้นของจินยองยังคงติดอยู่ที่หูแม้ว่าเจ้าตัวจะวางสายไปนานแล้วก็ตาม  อี้เอินก้มมองหนังสือพิมพ์บันเทิงที่ลงรูปคนรักกำลังยืนจูบอยู่กับหญิงสาวที่เขาเองก็รู้จักดีด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก



“จินยอง มันเกิดอะไรขึ้น”

“ผมต่างหากที่ควรจะถามอี้เอินว่ามันเกิดอะไรขึ้น! ฮึก ฮือ  ผู้หญิงคนนั้นนัดผมออกไปหาหลังจากวางสายจากคุณ  เธอบอกว่าเธอกำลังจะมาแทนที่ผม  แล้วเธอก็จูบผม  จูบเพื่อลบรอยทุกอย่างที่อี้เอินเคยจูบผมไว้!”





“ทุกอย่างมันพังก็เพราะความมักมากของคุณนั่นแหละอี้เอิน”


อี้เอินเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะและก็พบว่าเป็นคิมยูคยอมนั่นเองที่กำลังนั่งลงฝั่งตรงข้าม    เขารีบเอ่ยถามอาการร่างโปร่งทันที “จินยองเป็นไงบ้าง”


“แย่” ยูคยอมพูดสั้นๆ แล้วรอดูปฏิกิริยาของชายหนุ่ม เมื่อเห็นอี้เอินมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงพูดต่อ “เขาเป็นผู้ชายนะ ข่าวที่ออกมาฝ่ายหญิงมันเสียหายอยู่แล้ว  ใครจะมองว่าจินยองจะโดนกระทำ  พี่เขาเครียดมากนะครับคุณอี้เอิน”


“เฮ้อ”


“แต่ที่เขาเครียดกว่าก็คือคำพูดของชอนซอนจี ถ้าไม่มีมูลหมามันคงไม่ขี้หรอกใช่มั้ยครับ  แล้วตกลงเธอเป็นอะไรกับคุณกันแน่” ยูคยอมจี้ตรงประเด็นทันที


อี้เอินก้มหน้า “ผมไม่ได้เกินเลยกับเธอ”


“คุณตอบไม่ตรงคำถามนะ”


“คุณก็รู้ดีนี่นายูคยอม ผมมันก็เป็นผู้ชาย --”


“เห็นแก่ตัวนี่” ร่างสูงต่อทันควัน


อี้เอินถอนหายใจยาวๆ “ผมกำลังเปลี่ยนตัวเอง  ก็เพื่อจินยองนั่นแหละ  ผมรักเขาจริงๆ”


“คุณอยากให้จินยองมีแค่คุณคนเดียวหรือเปล่า?”


“อืม”


“คุณอยากมีแค่จินยองคนเดียวหรือเปล่าอี้เอิน?”


เงียบ
เขาตอบไม่ได้


“บางทีพี่ผมคงต้องการคนที่ดีกว่านี้”


“อย่านะยูคยอม  ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีจินยอง” เขาละล่ำละลักบอก   ไม่เหลือคราบของคุณชายต้วนผู้ทรนงเลยสักนิด


“แล้วคุณไม่คิดหรือว่าจินยองจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ?” ยูคยอมพูดด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น   เด็กหนุ่มกำลังถือไพ่เหนือกว่า “สัญญามาสิต้วนอี้เอิน! สัญญามาว่าต่อไปนี้จะมีแค่พี่จินยองคนเดียว!!”


เขากำลังลังเล


“ว่าไง?”


“ผม .. สัญญา”


ยูคยอมยิ้มมุมปาก “จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีล่ะต้วนอี้เอิน ถ้าพี่ผมต้องมาเจออะไรแบบนี้เพราะผู้หญิงของคุณอีก  คุณจะไม่มีวันได้พบพี่จินยองอีกเลย!”




ปิดเกม  ปาร์คจินยองชนะน็อก




::::::::::::::::::::::




“นายน่าจะไปเป็นดารา” จินยองที่กำลังนอนเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่เปรยขึ้นเบาๆ เมื่อฟังสิ่งที่น้องชายตัวเองเล่าจบ


“พี่ก็ตกกระป๋องน่ะสิ”


“มีแฟนรวยต้องกลัวอะไร” เขาว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  ตาเรียวรีไล่อ่านข้อความในเว็บบอร์ดเดิมที่ยูคยอมเคยอ่านเมื่อสามวันก่อน


‘พี่จินยองสู้ๆ ฉันรู้ว่าพี่ไม่ได้เต็มใจ ดูหน้าพี่ก็รู้แล้วว่าโดนบังคับให้จูบน่ะ!’

‘มือยัยนั่นล็อกหน้าจินยองไว้ด้วยเห็นหรือเปล่า หนอย! นังบ้า กล้าทำให้จินยองของฉัน(ยืมวันนึงนะอี้เอิน)แปดเปื้อนเรอะ!!!’

‘เฮ้! ทุกคนฉันมีข่าวล่ามาบอก เห็นว่าอี้เอินกำลังจะขอจินยองแต่งงาน!!!’





ข้อความล่าสุดที่เพิ่งถูกโพสออกมาทำให้คิ้วเรียวขมวดเป็นปม “อี้เอินกำลังจะขอจินยองแต่งงาน...??”


“ข่าวในนี้มันไวกว่าคนจะโดนขออีกแฮะ” ยูคยอมที่ย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ พี่ชายพูดทึ่งๆ


“จริงอ่ะ?” เขาหันไปถามน้องชายที่ตอนนี้แปลงโฉมจนหล่อเนี๊ยบ  ไม่เหลือคราบความเฉิ่มเช่นเดิม


“ไม่รู้สิ”


“แล้วนายว่าพี่ควรแต่งดีมั้ย”


“มันก็แล้วแต่พี่”


จินยองทำท่าคิดหนัก   ไอ้รักมันก็รัก  แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ยอมรับว่ายังไม่มั่นใจ  “นายว่าอี้เอินเขาจะเปลี่ยนได้หรือเปล่า”


ยูคยอมยิ้มแล้วหยิบปอยผมมาทัดหูให้พี่ชายอย่างเอ็นดู “คนเราน่ะนะ  รักกันมันก็ต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน  นอกลู่นอกทางบ้างก็ต้องให้อภัยกัน พี่เป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่หรือว่าระหว่างทางจะเป็นไงก็ช่างขอให้ปลายทางมันคือพี่น่ะ”


“พูดซะเหมือนมีแฟนมาแล้วสักสิบคน  เลขายูนี่สอนกันดีจริงๆ นะ” เขาว่า แต่ก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง


“ชีวิตคู่น่ะ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สวยหรูเหมือนในเทพนิยายหรอกนะ  ทั้งพี่และพี่อี้เอินต้องเรียนรู้ที่จะก้าวไปพร้อมๆ กัน”


“แล้วถ้ามีมารผจญ?” จินยองหยั่งเชิง


ยูคยอมหัวเราะ “จะมีใครร้ายไปกว่าปาร์คจินยองอีกล่ะ”




::::::::::::::::::::::




“ไปไหนหรออี้เอิน” จินยองที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมานานเอ่ยถามร่างสูงที่บัดนี้กำลังขะมักเขม้นกับการขับรถ


“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”


“หิวแล้วอ่า”


“น่าๆ แปปเดียว”


ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงยังจุดหมาย จินยองที่ถูกปลุกให้ตื่นลืมตามาอย่างงัวเงียๆ แล้วเอ่ยถาม “ที่ไหนอ่ะ”


“ลงมาสิ”


คนทั้งคู่เดินลงจากรถ  จินยองพบว่าปลายทางที่อี้เอินลงทุนขับรถมาตั้งหลายชั่วโมงคือทะเลนั่นเอง   ชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตาทอดตัวอยู่เบื้องหน้า   เสียงคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่กระทบเข้าฝั่ง   กลิ่นของไอเกลือจางๆ ที่ลอยมาตามลม   ทั้งหมดล้วนแต่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นทั้งนั้น


“ดูนั่นสิ” อี้เอินชี้ให้จินยองมองไปยังผืนน้ำ   บัดนี้พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะจมลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ


จินยองอ้าปากค้างกับความงดงามที่ธรรมชาติบรรจงสร้างขึ้นมาจนลืมสรรพสิ่งรอบกายไปเสียสนิท   เขามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอี้เอินเรียก   เมื่อหันไปมองก็เห็นอี้เอินกำลังนั่งคุกเข่ากับผืนทราย   ร่างโปร่งใจเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


“จินยองครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแทรกเสียงคลื่นกระทบฝั่ง  เป็นเสียงของผู้ชายที่เขาหลงรักมาเนิ่นนานหลายปี  เขามองต้วนอี้เอินด้วยแววตาที่ตื้นตัน   น้ำเสียงของอี้เอินก็สั่นไม่แพ้กับหัวใจของเขาเลย  “ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อม  แต่ผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนที่ดีกว่านี้เพื่อเราสองคน   จินยองจะแต่งงานกับผู้ชายอย่างผมได้มั้ยครับ?”


เขาควรจะร้องไห้มั้ย??


จินยองถามตัวเอง เพราะพอรู้ล่วงหน้ามาบ้างว่าอี้เอินจะมาขอเขาแต่งงาน   ไอ้ซึ้งมันก็ซึ้งแหละ  แต่เซอร์ไพรซ์ที่คนถูกเซอร์ไพรซ์รู้ล่วงหน้าแล้วมันก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควรนี่นา
แต่ร้องก็ได้มั้ง .. มันน่าจะดูประทับดี


“อี้เอิน  ฮึก ฮือออ”


“จินยอง”


“ผมดีใจที่อี้เอินพูดกับผมแบบนี้  ผมไม่คิดว่าอี้เอินจะเลือกผมจริงๆ”


“ผมรักจินยองนี่ครับ อย่าคิดมากน่า  แต่งงานกันนะ”


“อือ!” คนสองคนโผเข้ากอดกันอย่างแนบแน่นท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ริมทะเลที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า






ที่จินยองเคยนิยามความรักของพวกเขาสองคนว่าเหมือนเทวากับซาตาน
แล้ว ..








ตอบได้หรือยังว่าใครคือซาตาน??







End*





_____________ TALK!

รี ไรท์จากฟิคเดิมของตัวเองฮะ  เคยแต่งไว้ตั้งแต่ปี 2010  แต่รู้สึกใช่กับกัซไปหมดเลย  เลยแปลงมาหลายๆ คู่ ใครใคร่อ่านเวอร์ไหนก็อ่านค่ะ   ตอนนั้น อลจ ยังแต่งฟิคไม่ค่อยเป็นเลย  ตรรกะใดๆ ในเรื่องก็ไม่มี  คิดซะว่าอ่านฟิควูบๆ เรื่องนึงแล้วกันนะคะ  ฮ่าๆๆๆ 



คุยกันใน #ฟิคอลจ ค่ะ  :)


อลจ.

2Jae | Fallen Angel

Title ::  Fallen Angel
Author :: AliceJay
Pairing :: Jaebum / Youngjae








Fallen Angel
(2Jae version)







‘น่ารัก นิสัยดี ใสซื่อ ดูไม่มีพิษสงใดๆ ให้เกรงขาม’

คำนิยามที่เหล่าแฟนคลับและนักข่าวพร้อมใจกันตั้งให้ ‘ชเวยองแจ’ มาตั้งแต่เข้าวงการ

หากแต่ใครจะรู้ว่าถ้ามีคนกล้ามายุ่งกับคนของเขา

คุณอาจจะได้เห็นนางร้ายชั้นแนวหน้าในร่างของหนุ่มน้อยคนนี้ก็เป็นได้

ไม่เชื่อหรือ?



ก็ลองยั่ว ‘อิมแจบอม’ ดูสิ ..





::::::::::::::::::::::





ทำไมอิมแจบอมถึงได้เลือกชเวยองแจ?


คำถามยอดฮิตที่ใครหลายคนแอบสงสัยอยู่ในใจ  ‘อิมแจบอม’ นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงทายาทกิจการนำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของเกาหลีกับเซเลบหนุ่มหน้าหวานอย่างยองแจดูยังไงก็ไม่เข้ากันสักนิด


แจบอมเจ้าชู้เกินไป และยองแจก็ดูซื่อจนไม่น่าจะตามทันอีกฝ่าย

ถ้าเปรียบอิมแจบอมเป็นไฟ  ยองแจก็คงเป็นน้ำ  ไม่มีคุณสมบัติข้อไหนที่ระบุได้ว่าคนทั้งคู่น่าจะไปกันรอดเกินสองเดือน  แต่นอกจากจะหักทุกปากกาเซียนด้วยการคบกันยาวนานกว่าสามปีแล้ว  คู่รักคนดังคู่นี้ยังควงกันโชว์หวานอย่างเปิดเผย  ไม่แคร์ขาเม้าท์หน้าไหนทั้งสิ้นอีกต่างหาก

เป็นที่รู้กันดีว่าสังคมเกาหลียังไม่มีพื้นที่มากนักให้กับความรักที่ไม่ใช่ชายหญิง  ดังนั้นเมื่อคราวที่พวกเขายอมเปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณะ   เรื่องนี้จึงเป็นข่าวใหญ่มาก  เพราะเป็นคนดังคู่แรกๆ ที่ยอมเสี่ยงในการแหวกม่านประเพณีดั้งเดิม  แน่นอนว่าทั้งคู่โดนกระแสโจมตีอยู่ไม่น้อย  แต่ที่น่าประหลาดใจกว่าคือกระแสสนับสนุนที่มีมากกว่าหลายเท่าตัว


อาจเพราะใครๆ ก็ชอบเรื่องรักต้องห้าม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรักต้องห้ามที่มีตัวเอกราวกับหลุดมาจากเทพนิยายอย่างอิมแจบอม -  ผู้ชายร้ายกาจที่ยอมเอาอนาคตของตัวเองมาเดิมพันเพียงเพื่อแลกกับการที่ได้รักชเวยองแจอย่างเปิดเผย


คำถามต่อมาที่ทุกคนพร้อมใจกันตั้งให้เป็นประเด็นร้อนในอินเตอร์เน็ตก็คือ..


แล้วชเวยองแจมีอะไรดีให้น่าเสี่ยงด้วย??







“นั่นสิ คนอย่างชเวยองแจน่ะมีอะไรดี” จินยองถามขึ้นมาเสียงดังๆ เพื่อให้คนที่นอนเล่นไอแพดอยู่ได้ยิน ร่างโปร่งเลื่อนดูความคิดเห็นของบรรดาขาเม้าท์ทั้งหลายที่ต่างโพสความเห็นกันเป็นเสียงเดียวว่า ‘เพราะยองแจน่ารักมากๆ ทั้งหน้าตาและมารยาท นางงามแบบนี้พี่ช๊อบชอบ!’ แล้วก็ได้แต่พรูลมหายใจอย่างคิดค้าน


ถ้าคุณเคยดูซีรีส์เรื่อง ‘You who came from the stars’ คุณคงจะรู้ดีว่าชอนซงอี  นางเอกพันหน้าคนนั้นเล่นละครเก่งและแนบเนียนเพียงไร  แต่เชื่อเถอะว่าเทียบไม่ได้กับชเวยองแจคนนี้เลยสักนิด... ถ้าซงอีได้รางวัลออสก้าประจำปี  ยองแจคงได้รางวัลยูนิเวิร์สเลยกระมัง


จินยองนึกอยากจะแกล้งโพสต์แฉเจ้าตัวเล็กนี่ขึ้นมาตงิดๆ
อะไรจะเป็นคนดีในสายตาเช้าบ้านเขาได้ขนาดนั้น!


“หยุดความคิดบ้าๆ เลยนะพี่จินยอง” ยองแจที่บัดนี้ย้ายมายืนหลังจินยองแล้วพูดออกมา ร่างเล็กเบียดคนที่เป็นทั้งพี่ชายและผู้จัดการส่วนตัวไปให้พ้นหน้าแลปท็อปก่อนจะเชคความคิดเห็นเหล่านั้นเสียเอง


“แต่งตัวให้มันเรียบร้อยนี่มันยากมากหรือไงฮะ” จินยองบ่นอุบขณะไล่สายตามองน้องชายคนเดียวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งยาวพอจะปิดแค่ต้นขาขาวๆ เท่านั้น


ยองแจยักไหล่อย่างไม่แคร์ “อย่าบ่นน่า  อยู่กันสองคนเองไม่มีใครเห็นสักหน่อย”


“เลิกแอ๊บแบ๊วซะทีเหอะ ฉันเห็นแล้วขัดหูขัดตา” ร่างโปร่งกระแทกตัวลงที่โซฟาเนื้อนุ่มแล้วเอ่ยเซ็งๆ


ยองแจหัวเราะ  พี่จินยองก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอล่ะ ชอบบ่นเป็นคนแก่ แต่งตัวก็เหมือนคนแก่  ถึงได้ไม่มีใครเข้ามาจีบสักที  เขาอมยิ้มไปกับความคิดของตัวเองขณะไล่อ่านข้อความในบอร์ดซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เชียร์ “ทูแจ” สุดใจขาดดิ้น


เขาอมยิ้มพลันนึกถึงนิยามความรักของตัวเองที่เคยคิดไว้ในใจ


..เทวากับซาตาน..


จะมีอะไรที่ท้าทายและเหมาะสมไปกว่านี้อีกหรือ?






RRRRRrrrrrrrrr





เสียงโทรศัพท์เครื่องบางของจินยองดังขึ้น  คนเป็นพี่ละสายตาจากหนังสือ Fifty shades of grey แล้วกดรับสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ  ใช้เวลาเพียงห้าวินาทีรอยยิ้มก็ถูกวาดขึ้นบนใบหน้าหวานพร้อมกับสายตาเยาะแกมเย้ยที่ถูกมาให้เขา


ยองแจกัดฟันกรอด... ไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าทำไมจินยองถึงได้ยิ้มกริ่มขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีสายโทรมารายงานเรื่องแจบอมกับผู้หญิงอีกแล้ว  จินยองรู้สึกสนุกเสมอกับการที่ได้เห็นยองแจหัวหมุนในการแก้ปัญหาเรื่องนี้


คุณผู้จัดการส่วนตัววางสายโทรศัพท์แล้วหันมาทางน้องชาย “พี่บอกแล้วว่านางฟ้าน่ะไม่เหมาะกับนิยามของนายหรอก..” ร่างโปร่งวาดรอยยิ้มที่ยองแจแสนจะชิงชังบนใบหน้า “...เพราะนิสัยนายมันน่ะปีศาจชัดๆ!”


ยองแจคลายปมที่ขมวดอยู่ที่คิ้วออกก่อนจะยิ้มอย่างเป็นต่อให้พี่ชาย   แววตามีประกายซุกซนอย่างเด็กเจอของเล่นถูกใจ   “งั้นคงได้เวลามารออกโรงอีกแล้วสิ”




::::::::::::::::::::::




ยองแจหยิบแว่นตากันแดดสีทึบของตัวเองขึ้นมาใส่ ตาเรียวรีจับจ้องอยู่ที่นางแบบสาวดาวรุ่งที่กำลังเดินควงมากับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าแฟนของตนอยู่


“โอ๊ะโอ ... คราวนี้สวยแฮะ” จินยองพูดเสียงยียวนแต่ใบหน้าเรียบเฉย  นั่นยิ่งเร้าอารมณ์ให้ยองแจร้อนมากขึ้นไปอีก


“หน้าด้าน  รู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายเขามีเจ้าของแล้ว” ร่างเล็กสบถเบาๆ แล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาเพื่อต่อสายไปยังร่างสูง





.
.
.






แจบอมที่ยังคงอยู่ในสายตาของยองแจและจินยองหยุดเดินเมื่อรู้สึกว่ามีแรงสั่นน้อยๆ ที่กระเป๋าสูทด้านใน “แปปนะครับ” เขาว่าพลางยิ้มหวานให้กับสาวสวยที่เพิ่งตกมาได้เมื่อวาน แต่แล้วหน้าจอที่โชว์ชื่อของคนรักก็ทำให้รอยยิ้มนั้นค่อยๆ เจื่อนลง


“ใครหรือคะ?” นางแบบสาวถามขึ้นมาทั้งๆ ที่เห็นอยู่เต็มตาว่าชื่อที่อยู่หน้าจอคือใคร


แจบอมเลือกที่จะตอบตามความเป็นจริง “ยองแจน่ะครับ แฟนพี่เอง”


หญิงสาวหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยที่แจบอมพูดอะไรไม่ไว้หน้าเธอเลย  แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าร่างสูงข้างๆ นี้ไม่มีวันมอบหัวใจให้ใครนอกเสียจากชเวยองแจ ดารารุ่นพี่แถมยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก  แต่ในเมื่อเวลานี้เขากำลังควงอยู่กับเธอ แล้วทำไมเธอต้องยอมด้วยล่ะ


“อย่ารับเลยนะคะ”


แจบอมเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจเจตนา


เธอยิ้มละไม  มือเรียวสัมผัสที่ต้นแขนของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน “ตอนนี้พี่แจบอมอยู่กับมินอา ให้มีแค่เราไม่ได้หรือคะ?”


เมื่อได้ยินเช่นนั้นแจบอมก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเก่า   มองเผินๆ อาจจะเหมือนแจบอมเองก็เห็นชอบกับความคิดที่ว่า  แต่ในความเป็นจริงมินอากลับสัมผัสได้แต่ควาเย็นชาฉับพลันที่อีกฝ่ายมอบให้


“ไม่เคยมีคำว่า ‘เรา’ ครับ พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าเราควงกันเล่นๆ สนุกๆ น่ะได้  แต่พี่รักมินอาไม่ได้  มอบความผูกพันลึกซึ้งให้ก็ไม่ได้อีก”


เธอปล่อยแขนออกจากร่างสูง  สีหน้าแสดงความผิดหวังผสมโกรธเกรี้ยวออกมาชัดเจน “พี่มันเห็นแก่ตัว”


“ครับ ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกยุ่งกันแล้วกันนะ” แจบอมเป็นผู้ชายที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ที่ใบหน้าเสมอแม้ในยามที่โดนด่า


แต่มีหรือที่เธอจะยอม เธอหลงรักชายหนุ่มมาตั้งหลายปี  เธอไม่มีวันยอมให้อุปสรรคอย่างชเวยองแจมาขัดขวางความรักของเธอเด็ดขาด  ถ้าผู้ชายอย่างอิมแจบอมใช้ไม้แข็งด้วยไม่ได้  เธอก็จำต้องใช้ไม้อ่อนไปก่อนเพื่อรักษาสถานภาพเอาไว้  “มินอาขอโทษค่ะ  พี่รีบรับโทรศัพท์เถอะค่ะ  เดี๋ยวพี่ยองแจจะสงสัย”


ความเยียบเย็นในแววตาของแจบอมหายไปทันที  เขายิ้มละมุนให้อีกฝ่าย  “ขอบคุณที่เข้าใจอะไรง่ายๆ นะครับ”






.
.
.





“ทำอะไรอยู่ครับแจบอม” ร่างเล็กส่งเสียงถามอย่างร่าเริงขณะที่เฝ้าจับตามองปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไปด้วย


(“กำลังจะออกไปทานข้าวกับลูกค้าน่ะครับ ยองแจมีอะไรหรือเปล่า”)


“คิดถึงน่ะ คิดถึงมากๆ เลยด้วย อยากเจอแจบอมจัง อ๊ะ! ขอโทษครับ ผมไม่น่าพูดแบบนี้ตอนแจบอมทำงานเลย ลืมมันไปเถอะครับ ตั้งใจทำงานล่ะ   รักแจบอมนะครับ” ยองแจแสร้งพูดด้วยรู้ดีว่าอีกไม่นานแจบอมจะต้องทิ้งผู้หญิงคนนั้นมาหาเขาแน่นอน  ยองแจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน  แต่จากสถิติตลอดสามปีที่ผ่านมา  หากยองแจบอกว่า ‘อยากเจอ’ ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่อิมแจบอมจะปฏิเสธ

จะบอกว่าเพราะแจบอมทั้งรักทั้งหลงเขาก็ดูจะหลงตัวเองไปหน่อย   แต่เขาก็หาคำตอบที่เข้าท่ากว่านี้มาอธิบายไม่ได้อีกแล้ว


(“ยองแจอยู่ที่ไหนหรือครับ”)


“อยู่บ้านคนเดียวน่ะครับ  พี่จินยองหายไปไหนแต่เช้าก็ไม่รู้...” ทอดน้ำเสียงออดอ้อนพลางปรายตามองคนที่ถูกพาดพิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ


(“งั้นเดี๋ยวผมไปหานะ”)


“อย่าเลยครับ! อย่าให้ยองแจทำงานของแจบอมเสียสิ”


(“ไม่หรอกครับ เราคุยธุระกันเสร็จแล้วน่ะ ยองแจอยากได้อะไรมั้ยครับ?”)


ยองแจวาดรอยยิ้มร้ายๆ ที่แจบอมไม่มีทางมองเห็น “อยากกินสปาเก็ตตี้มีทบอลร้านเดิมน่ะ  แจบอมช่วยแวะซื้อมาให้หน่อยได้มั้ย?”


(“รับบัญชาครับเจ้าหญิง”)


ยองแจวางสายโทรศัพท์แล้วหันมามองหน้าจินยองเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่าทุกสถานการณ์ “เขาเลือกผม”


“เขาอาจจะมีอะไรกันเสร็จแล้วก็ได้นะ”


“ระหว่างทางจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกผม” ยองแจไม่ได้แกล้ง แต่เขาคิดอย่างนี้จริงๆ  แจบอมเป็นผู้ชายเจ้าชู้มาก มากจนเขารู้ดีว่าคงไม่อาจเป็นคนเดียวของแจบอมได้ในทางพฤตินัย    เขาไม่สนหากแจบอมจะแอบไปมีใครข้างหลังเขา  ตราบใดที่สถานะของตนยังสูงกว่าคนพวกนั้น

สารภาพว่าการได้เป็น ‘แฟน’ ของอิมแจบอมอย่างออกหน้าออกตาไม่ใช่เรื่องหวานแหววดุจนิยายอย่างที่คนในอินเทอร์เน็ตคิดกันไปหรอก   ทั้งหมดน่ะล้วนวางแผนมาอย่างดีแล้ว 

จะจับเสือก็ต้องเข้าทางแม่
และยองแจก็โชคดีที่แม่ของแจบอมเองก็รักเขามากจนไปบีบลูกชายตัวเองให้ออกมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่ดี
เบื้องหลังนี้อิมแจบอมไม่เคยรู้  และไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องรู้


“ไม่รู้สึกแย่หรือใช้แฟนร่วมกับคนอื่นน่ะ” จินยองพูดขึ้นมา   ตั้งใจยั่วอารมณ์น้องชายอีกรอบ


ยองแจหลุดจากภวังค์ของตัวเอง  ร่างเล็กยิ้มกริ่ม   “พี่ก็รู้ดีว่าผมมีวิธีของผม แต่มันคงไม่สำเร็จหากไร้ความร่วมมือจากปาร์คจินยองนะครับ”




::::::::::::::::::::::





“พี่ต้องไปแล้ว” เขาหันไปบอกมินอาเสียงเรียบ


“ช่วยไปส่ง...”


“ขอโทษทีนะครับ พี่รีบจริงๆ เดี๋ยวพี่เรียกแท็กซี่ให้นะ” วาจานุ่มนวลหากแต่กรีดลึกลงในใจของคนฟังถูกเอื้อนเอ่ยจากปากของอิมแจบอม   มันตอกย้ำอีกครั้งว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีค่าสำหรับเขาเลยสักนิด


เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเอ่ยถาม “ฉันถามอะไรพี่อย่างหนึ่งได้มั้ยคะ?”


“ได้สิ”


“ถ้าพี่รักพี่ยองแจมาก ทำไมพี่ไม่หยุดคะ ทำไมพี่ไม่มองที่พี่ยองแจคนเดียว พี่ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่พี่ทำมันก็คือการหักหลัง” เธอกำลังจะร้องไห้  ทั้งๆ ที่ผู้หญิงสวยเลือกได้อย่างเธอไม่ควรจะต้องมาตกอยู่ในภาวะเป็นสองเช่นนี้


แจบอมยิ้มอีก “ผู้ชายไม่เคยพอครับ”


“แม้มันจะทำร้ายคนที่พี่รักที่สุดก็ตามหรือคะ?”


“....”


“....”


“รถมาแล้ว ไปเถอะครับ” คำไล่กลายๆ นั่นทำให้เธอไม่กล้าพูดอะไรต่อ เธอบอกลาเขาแล้วขึ้นรถไป


แจบอมมองไปจนแท็กซี่คันนั้นลับสายตาแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา




“ถ้าพี่รักพี่ยองแจมาก ทำไมพี่ไม่หยุดคะ ทำไมพี่ไม่มองที่พี่ยองแจคนเดียว พี่ไม่รู้หรือว่าสิ่งที่พี่ทำมันก็คือการหักหลัง”




คำพูดนั้นตบหน้าเขาเต็มๆ




::::::::::::::::::::::




มินอาพยายามจะไม่ร้องไห้ออกมาแม้ว่าจะเจ็บไปหมด เธอนั่งมองทิวทัศน์ที่แล่นผ่านถนนไปอย่างรวดเร็ว  แล้วจู่ๆ แท็กซี่คันดังกล่าวก็หักรถเข้าข้างทางที่เป็นสวนสาธารณะค่อนข้างเปลี่ยว


“เกิดอะไรขึ้น จอดรถทำไม!”


“มีคนอยากคุยกับคุณ”


เธอเลิกคิ้วด้วยความสนเท่ แต่แล้วร่างบอบบางที่ลงมาจากพอร์ชคันงามก็เฉลยทุกอย่างออกมา เธอพยักหน้าแล้วลงจากรถ


“ชเวยองแจ” เธอเอ่ยทักคนที่ยืนพิงรถตัวเองอยู่ด้วยท่าทางสบายๆ


“สงสัยจะไม่เคยเรียนเรื่องมารยาท บ้านเธอเรียกรุ่นพี่ด้วยชื่อเฉยๆ แบบนี้น่ะหรือ”


มินอาเสยผมขึ้น “กับคนบางคนก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทด้วย”


“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแจบอมถึงไม่แคร์เธอ” ผู้ชายอีกคนที่เธอไม่รู้จักพูดลอยๆ เหมือนจงใจจะพูดกับดินฟ้าอากาศมากกว่า   หน้าตาไร้อารมณ์นั่นกวนประสาทจนเธอเริ่มหงุดหงิด


“หมายความว่ายังไง!”


จินยองยักไหล่ “อืม โง่ด้วย”


“มีธุระอะไรก็ว่ามา ฉันไม่ใช่พวกว่างงานเหมือนนาย!” เธอกระชากเสียง


“ถ้างานยุ่งจริงคงไม่มีเวลามายุ่งกับแฟนชาวบ้านเขาหรอกจริงมั้ย” ยองแจหัวเราะ  “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวหลังจากนี้ก็ได้ว่างจริงๆ แล้วแหละ”


มินอากัดฟันกรอด คำเตือนจากรุ่นพี่ในวงการว่าชเวยองแจน่ะร้ายย้อนกลับเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง  เธอไม่เคยเชื่อเลยจนกระทั่งได้มาเห็นร่างมารของอีกคนด้วยตาของตัวเอง


“รู้ใช่มั้ยฉันเป็นอะไรกับแจบอม” ยองแจที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เอ่ยถาม


และแทบจะทันทีที่มินอาตอบกลับไป “นางบำเรอ”


“เธอไม่น่าบังคับฉันเลย” ยองแจพูดด้วยเสียงเหมือนคนจะร้องไห้   แต่ดวงตากลับกำลังประกาศชัยชนะจนคนมองรู้สึกไม่ปลอดภัย  


มินอาไม่มีวันรู้เลยว่าชเวยองแจคิดจะทำอะไร  ในเสี้ยววินาทีที่เธอคิดจะวิ่งหนีขึ้นแท็กซี่ไป  แต่เมื่อมองไปด้านหลังก็พบกับความว่างเปล่า


หญิงสาวตกหลุมพลางของปีศาจน้อยเข้าจนได้ 


ทั้งๆ ที่ใจสั่นไปหมด  แต่ทิฐิก็ทำให้เธอจมไม่ลงอยู่ดี  “กลัวแพ้หรือไงถึงต้องหลอกให้ฉันมาเจอในที่แบบนี้  กลัวว่าพี่แจบอมเขาเลือกฉันแล้วจะทนไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ  เหอะ  นางฟ้าใสซื่อของวงการบันเทิง  หลอกลวงสิ้นดี!  คอยดูนะฉันจะแฉจนแกไม่มีที่ยืนอีกเลยนังนางบำเรอ!”


“แก!”   ได้ผล  คำพูดของมินอากระตุ้นต่อมโมโหของยองแจให้ทำงานเข้าจนได้


“นางบำเรอนั่นมันเธอไม่ใช่หรือไง จำหน้าที่ผิดไปหรือเปล่า” จินยองพูดลอยๆ ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อขัดอารมณ์ของน้องชาย  แม้แต่ตอนนี้ใบหน้าใต้กรอบแว่นหนาก็ยังไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นอกเสียจากความเหนื่อยหน่าย   “ความจริงหน้าตาเธอก็ดีนะ  ไปหาสามีที่เป็นของตัวเองซะเถอะ  อย่ามาเสียเวลากับอิมแจบอมเลย  เป็นเมียน้อยมันไม่สนุกหรอกสาวน้อย  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชายที่เขามีเมียหลวงเป็นผู้ชาย  นี่อายแทนนะพูดตรงๆ”


“พูดดีๆ ก็เป็นนี่” ยองแจดูอารมณ์ดีขึ้นนิดหน่อยหลังจากจินยองพูดจบ  ร่างเล็กก้าวเข้ามาประชิดตัวมินอาก่อนจะบีบที่คางของหญิงสาวอย่างแรง  


มินอาพยายามจะสะบัดตัวหนีแต่ก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้   เธอโกรธจัดจนพูดไม่ออก  หากตอนนี้มีใครถามว่าสิ่งที่เกลียดที่สุดในโลกคืออะไร   เธอไม่ลังเลเลยที่จะตอบว่าแววตาของชเวยองแจที่กำลังมองมา


และ.. โดยไม่มีใครคาดคิด


ยองแจก้มตัวลงบดเบียดริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง  เขาจับมือของมินอาให้รั้งใบหน้าของเขาไว้จนเหมือนกับว่าเธอเป็นคนเริ่มเกมนี้เอง


จินยองที่กำลังมองภาพเบื้องหน้าผ่านโหมดบันทึกวีดีโอในโทรศัพท์มือถือของตนเบ้ปากออกมาน้อยๆ เมื่อเห็นน้องชายทุ่มทุนมากเกินไปหน่อย


“จูบฉันทำไม!!!”  ทันทีที่ผละออกมินอาก็โวยวายออกมาเสียงดัง  สมองมึนงงกับพฤติกรรมเข้าใจยากของคนที่ถือศักดิ์ว่าตัวเองเป็นเมียหลวง


“ไม่ได้พิศวาสหรอกนะ” ยองแจว่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วหันไปหาจินยอง   คุณผู้จัดการชูนิ้วเป็นสัญลักษณ์ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี  ร่างเล็กพยักหน้าพอใจก่อนจะหันมาหามินอาอีกที   รอยยิ้มร้ายถูกวาดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับข้อความทิ้งท้ายให้อีกฝ่ายสงสัยเล่นๆ


“อ่านหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้ด้วยนะ”





::::::::::::::::::::::






เสียงสะอื้นของยองแจยังคงติดอยู่ที่หูแม้ว่าเจ้าตัวจะวางสายไปนานแล้วก็ตาม  แจบอมก้มมองหนังสือพิมพ์บันเทิงที่ลงรูปคนรักกำลังยืนจูบอยู่กับหญิงสาวที่เขาเองก็รู้จักดีด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูก



“ยองแจ มันเกิดอะไรขึ้น”

“ผมต่างหากที่ควรจะถามแจบอมว่ามันเกิดอะไรขึ้น! ฮึก ฮือ  ผู้หญิงคนนั้นนัดผมออกไปหาหลังจากวางสายจากคุณ  เธอบอกว่าเธอกำลังจะมาแทนที่ผม  แล้วเธอก็จูบผม  จูบเพื่อลบรอยทุกอย่างที่แจบอมเคยจูบผมไว้!”





“ทุกอย่างมันพังก็เพราะความมักมากของคุณนั่นแหละแจบอม”


แจบอมเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะและก็พบว่าเป็นปาร์คจินยองนั่นเองที่กำลังนั่งลงฝั่งตรงข้าม    เขารีบเอ่ยถามอาการร่างเล็กทันที “ยองแจเป็นไงบ้าง”


“แย่” จินยองพูดสั้นๆ แล้วรอดูปฏิกิริยาของชายหนุ่ม เมื่อเห็นแจบอมมีสีหน้าเคร่งเครียดจึงพูดต่อ “เขาเป็นผู้ชายนะ ข่าวที่ออกมาฝ่ายหญิงมันเสียหายอยู่แล้ว  ใครจะมองว่ายองแจจะโดนกระทำ  น้องเครียดมากนะครับคุณแจบอม”


“เฮ้อ”


“แต่ที่เขาเครียดกว่าก็คือคำพูดของชอนมินอา ถ้าไม่มีมูลหมามันคงไม่ขี้หรอกใช่มั้ยครับ  แล้วตกลงเธอเป็นอะไรกับคุณ” จินยองจี้ตรงประเด็นทันที


แจบอมก้มหน้า “ผมไม่ได้เกินเลยกับเธอ”


“คุณตอบไม่ตรงคำถามนะ”


“คุณก็รู้ดีนี่นาจินยอง ผมมันก็เป็นผู้ชาย --”


“เห็นแก่ตัว” ร่างโปร่งต่อทันควัน


แจบอมถอนหายใจยาวๆ “ผมกำลังเปลี่ยนตัวเอง  ก็เพื่อยองแจนั่นแหละ  ผมรักเขาจริงๆ”


“คุณอยากให้ยองแจมีแค่คุณคนเดียวหรือเปล่า?”


“อืม”


“คุณอยากมีแค่ยองแจคนเดียวหรือเปล่าแจบอม?”


เงียบ
เขาตอบไม่ได้


“บางทีน้องผมคงต้องการคนที่ดีกว่านี้”


“อย่านะจินยอง  ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มียองแจ” เขาละล่ำละลักบอก   ไม่เหลือคราบของคุณชายอิมผู้ทรนงเลยสักนิด


“แล้วคุณไม่คิดหรือว่ายองแจจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ?” จินยองพูดด้วยแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น   ร่างโปร่งกำลังถือไพ่เหนือกว่า “สัญญามาสิอิมแจบอม! สัญญามาว่าต่อไปนี้จะมีแค่ยองแจคนเดียว!!”


เขากำลังลังเล


“ว่าไง?”


“ผม .. สัญญา”


จินยองยิ้มมุมปาก “จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีล่ะอิมแจบอม ถ้าน้องผมต้องมาเจออะไรแบบนี้เพราะผู้หญิงของคุณอีก  คุณจะไม่มีวันได้พบยองแจอีกเลย!”




ปิดเกม  ชเวยองแจชนะน็อก




::::::::::::::::::::::




“พี่น่าจะไปเป็นดารา” ยองแจที่กำลังนอนเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่เปรยขึ้นเบาๆ เมื่อฟังสิ่งที่พี่ชายตัวเองเล่าจบ


“นายก็ตกกระป๋องน่ะสิ”


“มีแฟนรวยต้องกลัวอะไร” เขาว่าพลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ตาเรียวรีไล่อ่านข้อความในเวบบอร์ดเดิมที่จินยองเคยอ่านเมื่อสามวันก่อน


‘พี่ยองแจสู้ๆ ฉันรู้ว่าพี่ไม่ได้เต็มใจ ดูหน้าพี่ก็รู้แล้วว่าโดนบังคับให้จูบน่ะ!’

‘มือยัยนั่นล็อกหน้ายองแจไว้ด้วยเห็นหรือเปล่า หนอย! นังแพศยา กล้าทำให้ยองแจของฉัน(ยืมวันนึงนะแจบอม)แปดเปื้อนเรอะ!!!’

‘เฮ้! ทุกคนฉันมีข่าวล่ามาบอก เห็นว่าแจบอมกำลังจะขอยองแจแต่งงาน!!!’





ข้อความล่าสุดที่เพิ่งถูกโพสออกมาทำให้คิ้วเรียวขมวดเป็นปม “แจบอมกำลังจะขอยองแจแต่งงาน...??”


“ข่าวในนี้มันไวกว่าคนจะโดนขออีกแฮะ” จินยองที่ย้ายตัวเองมานั่งข้างๆ น้องชายพูดทึ่งๆ


“จริงอ่ะ?” เขาหันไปถามพี่ชายที่ตอนนี้แปลงโฉมซะจนไม่เหลือคราบความเฉิ่มเช่นเดิม


“ไม่รู้สิ”


“แล้วพี่ว่าผมควรแต่งดีมั้ย”


“มันก็แล้วแต่นาย”


ยองแจทำท่าคิดหนัก   ไอ้รักมันก็รัก  แต่ถ้าให้พูดตรงๆ ก็ยอมรับว่ายังไม่มั่นใจ  “พี่ว่าแจบอมเขาจะเปลี่ยนได้หรือเปล่า”


จินยองยิ้มแล้วลูบหัวยองแจ “คนเราน่ะนะ  รักกันมันก็ต้องเชื่อใจซึ่งกันและกัน  นอกลู่นอกทางบ้างก็ต้องให้อภัยกัน นายเป็นคนบอกพี่เองไม่ใช่หรือว่าระหว่างทางจะเป็นไงก็ช่างขอให้ปลายทางมันคือน้องของพี่น่ะ”


“วันนี้พูดซึ้งแฮะ” เขาว่า แต่ก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง


“ชีวิตคู่น่ะ มันไม่ได้ถูกออกแบบมาให้สวยหรูเหมือนในเทพนิยายหรอกนะ ยองแจและแจบอมต้องเรียนรู้ที่จะก้าวไปพร้อมๆ กัน”


“แล้วถ้ามีมารผจญ?” ยองแจหยั่งเชิง


จินยองหัวเราะ “จะมีใครร้ายไปกว่าชเวยองแจอีกล่ะ”




::::::::::::::::::::::




“ไปไหนหรอแจบอม” ยองแจที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมานานเอ่ยถามร่างสูงที่บัดนี้กำลังขะมักเขม้นกับการขับรถ


“เดี๋ยวก็ถึงแล้ว”


“หิวแล้วอ่า”


“น่าๆ แปปเดียว”


ใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงยังจุดหมาย ยองแจที่ถูกปลุกให้ตื่นลืมตามาอย่างงัวเงียๆ แล้วเอ่ยถาม “ที่ไหนอ่ะ”


“ลงมาสิ”


คนทั้งคู่เดินลงจากรถ  ยองแจพบว่าปลายทางที่แจบอมลงทุนขับรถมาตั้งหลายชั่วโมงคือทะเลนั่นเอง   ชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตาทอดตัวอยู่เบื้องหน้า   เสียงคลื่นลูกแล้วลูกเล่าที่กระทบเข้าฝั่ง   กลิ่นของไอเกลือจางๆ ที่ลอยมาตามลม   ทั้งหมดล้วนแต่ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นทั้งนั้น


“ดูนั่นสิ” แจบอมชี้ให้ยองแจมองไปยังผืนน้ำ   บัดนี้พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะจมลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ


ยองแจอ้าปากค้างกับความงดงามที่ธรรมชาติบรรจงสร้างขึ้นมาจนลืมสรรพสิ่งรอบกายไปเสียสนิท   เขามารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแจบอมเรียก   เมื่อหันไปมองก็เห็นแจบอมกำลังนั่งคุกเข่ากับผืนทราย   ร่างเล็กใจเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


“ยองแจครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแทรกเสียงคลื่นกระทบฝั่ง  เป็นเสียงของผู้ชายที่เขาหลงรักมาเนิ่นนานหลายปี  เขามองอิมแจบอมด้วยแววตาที่ตื้นตัน   น้ำเสียงของแจบอมก็สั่นไม่แพ้กับหัวใจของเขาเลย  “ผมอาจจะไม่ใช่คนที่ดีพร้อม  แต่ผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนที่ดีกว่านี้เพื่อเราสองคน   ยองแจจะแต่งงานกับผู้ชายอย่างผมได้มั้ยครับ?”


เขาควรจะร้องไห้มั้ย??
ยองแจถามตัวเอง เพราะพอรู้ล่วงหน้ามาบ้างว่าแจบอมจะมาขอเขาแต่งงาน   ไอ้ซึ้งมันก็ซึ้งแหละ  แต่เซอร์ไพรซ์ที่คนถูกเซอร์ไพรซ์รู้ล่วงหน้าแล้วมันก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าที่ควรนี่นา
แต่ร้องก็ได้มั้ง .. มันน่าจะดูประทับดี


“แจบอม  ฮึก ฮือออ”


“ยองแจ”


“ผมดีใจที่แจบอมพูดกับผมแบบนี้  ผมไม่คิดว่าแจบอมจะเลือกผมจริงๆ”


“ผมรักยองแจนี่ครับ อย่าคิดมากน่า  แต่งงานกันนะ”


“อือ!” คนสองคนโผเข้ากอดกันอย่างแนบแน่นท่ามกลางบรรยากาศสวยๆ ริมทะเลที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า






ที่ยองแจเคยนิยามความรักของพวกเขาสองคนว่าเหมือนเทวากับซาตาน
แล้ว ..








ตอบได้หรือยังว่าใครคือซาตาน??







End*



_____________ TALK!

รีไรท์จากฟิคเดิมของตัวเองฮะ  เคยแต่งไว้ตั้งแต่ปี 2010  แต่รู้สึกใช่กับกัซไปหมดเลย  เลยแปลงมา  ใครใคร่อ่านเวอร์ไหนก็อ่านค่ะ   ตอนนั้น อลจ ยังแต่งฟิคไม่ค่อยเป็นเลย  ตรรกะใดๆ ในเรื่องก็ไม่มี  คิดซะว่าอ่านฟิควูบๆ เรื่องนึงแล้วกันนะคะ  ฮ่าๆๆๆ 



คุยกันใน #ฟิคอลจ ค่ะ  :)

อลจ.