December 08, 2015

MarkNior | Before We Burn Down

BEFORE WE
BURN DOWN.




















คุณไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำหลังจากจูบมาราธอนของเราสิ้นสุดลง  มีเพียงนัยน์ตาหวานเชื่อมที่บอกกล่าวทุกความใจในให้ผมได้รับรู้  ยามที่คุณค่อยๆ ทอดตัวลงบนเตียงกว้างพร้อมกับริมฝีปากบวมช้ำที่เผยอออก  ผมก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคุณกำลังเรียกร้องอะไร



“อ่า...”



คุณครางหวานยามเมื่อผมขบเม้มไปตามผิวเนื้อ  ไล่ตั้งแต่ใบหูที่เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด  ต้นคอที่คุณพรมน้ำหอมผู้ชายเอาไว้บางเบา  จนกระทั่งลาดไหล่ที่คุณเปรยว่าไม่เคยมั่นใจ  ผมตีตราจองทุกอณูพื้นผิวราวกับนักล่าอาณานิคม  รอยสีแดงช้ำและคมเขี้ยวไม่ต่างอะไรกับธงสัญลักษณ์ที่ปักปันไว้เพื่อบอกคนอื่นว่านี่คือเมืองขึ้นของผม



ของมาร์คต้วนคนนี้



ผมจูบคุณอีกครั้ง  ริมฝีปากของเราบดเบียด  เรียวลิ้นของเราเสียดสี  เราหยอกล้อซึ่งกันและกันอย่างรู้จังหวะ  คุณจูบผมบ้าง  ผมจูบคุณตอบ  รสเค็มปร่าของเลือดเจือมาในน้ำลายที่เราแลกเปลี่ยนกัน  คุณเอ่ยปากขอโทษในสิ่งที่คุณตั้งใจ  ผมได้แต่กระตุกยิ้มมุมปากแล้วจูบคุณให้ลึกซึ้งกว่าเดิม  คุณน่ะชอบเล่นเกมแรง  ผมรู้ดี  ทำไมผมจะไม่รู้ในเมื่อเรานอนด้วยกันมาเป็นสิบๆ ครั้ง



“ถอดเสื้อหน่อย” ผมกระซิบ  ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นเพราะจูบแสนดูดดื่มที่เพิ่งจบลง  คุณเผยอปากหอบเพราะหายใจไม่ทันในขณะที่สองมือเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทของตัวเอง  ผิวสีน้ำนมที่มีรอยแดงประปรายปรากฏขึ้นในสายตา  ยังไม่ทันที่เสื้อจะหลุดออกจากตัว  ผมก้มลงไปครอบครองส่วนที่ชูชันสู้สายตานั่นทันที



คุณเผลอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน  เอวบางบิดน้อยๆ เพราะความรู้สึกข้างในที่ตีรวน  คุณเกลียดเสมอยามผมทำตัวเป็นทารกที่หัดดื่มนมจากอกมารดา  แต่คุณก็ชอบใจทุกครั้งที่ฟันคมๆ ของผมเสียดสีกับยอดอกของคุณ  เปล่าเลย  คุณไม่เคยบอกหรอก  คุณมันพวกปากแข็ง  แต่ร่างกายของคุณโกหกได้ที่ไหน  ทุกการตอบสนองของคุณสารภาพหมดทุกอย่างว่าคุณชื่นชอบมันมากแค่ไหน



ที่รัก  ร่างกายของคุณกำลังเรียกร้องผม
มันกำลังต้องการให้ผมเข้าไปเติมเต็ม



“ม..มาร์ค  พอแล้ว” คุณเอ่ยห้าม  นัยน์ตาฉ่ำไปด้วยน้ำและแรงปรารถนาที่ถูกโหมให้กระพือ



ผมดึงเสื้อของคุณออก  แล้วหันไปจัดการกับกางเกงสแลคสีดำสนิท  ปลดเข็มขัดราคาแพงระยับนั่นทิ้งไปอย่างไม่ใยดี  ค่อยๆ รูดซิปลง  แล้วคลึงมือทักทายกับสัดส่วนที่เริ่มตื่นตัว  คุณครางต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ  เอวบางร่อนไปมาแทบไม่ติดเตียง 



ไม่รู้เคยมีคนบอกคุณไหม  แต่ใบหน้าของคุณยามที่มีอารมณ์แม่งโคตรจะเซ็กซี่



“เรามีเวลาเท่าไหร่” ผมถามคนที่สติเริ่มหลุดไปเรื่อยๆ



คุณนิ่งคิดไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ  “น่าจะสักชั่วโมง”



“งั้นน่าจะได้สักสองรอบ” ผมพยักหน้าเรียบๆ  ต่างจากคุณที่แก้มทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงปลั่ง  คุณพยายามจะไม่เขิน  แต่ร่างกายของคุณช่างทรยศ 



ผมมองคุณออกหมดแหละครับมิสเตอร์ปาร์ค



อารมณ์ของคุณและผมถูกโหมให้สูงขึ้นเรื่อยๆ  คุณเป็นแม่เหล็กขั้วบวก  ส่วนผมก็เป็นขั้วลบ  ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราสองคนจะดึงดูดกันและกันมากขนาดนี้  ผมปลดเปลื้องเสื้อผ้าคุณออกจนหมด  ผิวของคุณตัดกับผ้าปูที่นอนสีคราม  ผมถอดเสื้อออกบ้าง  สายตาคมโลมเลียและสำรวจไปทุกสัดส่วนของคุณ  ที่รัก  คุณดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าครั้งที่แล้วที่เรากอดกันนะ  แต่ผมไม่ว่าอะไรหรอก  การได้กอดคุณแบบเต็มไม้เต็มมือเป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขเสมอ



“จะจ้องอีกนานไหม” คุณต่อว่าไม่จริงจังนัก  คุณไม่ได้โกรธที่ผมผลาญเวลาที่มีอยู่น้อยนิดเล่นหรอก  แต่คุณเขินจนต้องหาอะไรมากลบเกลื่อนต่างหาก  ผมมองต่ำ  กล้ามแขนของคุณแน่นขึ้นแบบคนเพิ่งเริ่มออกกำลังกาย  มันทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะฝังเขี้ยวลงไปหยอกเย้า



“มาร์ค มันเจ็บ!” คุณร้อง  พยายามดันศีรษะผมออกไป



ผมหลุดเสียงหัวเราะแล้วกดจูบแรงๆ ที่มุมปากคนขี้โวยวายหนึ่งที  “ก็นึกว่าชอบอะไรเจ็บๆ”



คุณชะงัก  แก้มใสที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่  ผมยกยิ้มแล้วฉุดมือคุณให้ลุกขึ้นนั่ง  คุณอิดออดเล็กน้อยตอนที่ผมยกตัวคุณมานั่งคร่อมบนตัก  แต่ทันทีที่เราจูบกันคุณก็เลิกประท้วง  มือของคุณน่ะซนเป็นไหนๆ  มันแปะป่ายไปทั่วศีรษะและกล้ามท้องของผม  เช่นเดียวกับนิ้วมือของผมที่เริ่มต้นทำหน้าที่ของมัน



“อ๊ะ” คุณเผลออุทานเม่ือผมแทรกนิ้วเข้าไป  ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวจากสิ่งแปลกปลอมฝืดเคืองเพราะไร้สารหล่อลื่น  คุณขยับตัวอย่างอึดอัด  สะโพกของคุณบดเบียดอยู่กับตัวตนของผม  ไม่รู้ว่าตั้งใจไหม  แต่อากัปกริยาเหล่านั้นก็ทำให้ผมต้องสูดปากด้วยความเสียวซ่าน



คุณน่ะเก่งเหลือเชื่อเลยเรื่องทำให้ผมคลั่งไคล้



ผมแทรกนิ้วเพิ่มเข้าไป  ริมฝีปากก็ไล่จูบตั้งแต่หน้าอกจรดปลายคาง  คุณสะบัดหน้าขึ้น  สันกรามที่ผมชื่นชอบเด่นชัดจนอดไม่ได้ที่จะพรมพร่ำรอยจูบลงไป  ลิ้นร้อนแลบเลียไม่ต่างไปจากสุนัขขี้อ้อน  ร่างกายของคุณให้รสชาติที่ดี  กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำยังติดแน่นอยู่ที่ผิว  ยิ่งเมื่อผสานกับเหงื่อของคุณมันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ดิบของผมมากขึ้นไปอีก 



ที่รัก  ผมมองหน้าคุณ  จ้องลึกลงไปยังดวงตากลมสีรัตติกาล  บางครั้งคุณก็ให้ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาแก้วที่หากผมสัมผัสแรงเกินไปคุณก็จะแตกสลาย  แต่คุณก็ทำให้ผมอยากถนอมและทำลายคุณไปพร้อมๆ กันในเวลาเดียว  ยามที่คุณขยับตัวขึ้นลงอย่างมีอารมณ์กับนิ้วของผม  ยามที่คุณเอาแต่เรียกชื่อผมซ้ำๆ  ยามที่คุณทอดกายลงบนเตียงและเรียกร้องให้ผมพาคุณไปยังฝั่งฝัน



ยามที่คุณเป็นเพียงปาร์คจินยอง  ไม่ใช่คุณชายปาร์ค - บุตรชายคนเล็กของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สุดกลุ่มหนึ่งของเกาหลีใต้ 
และผมเป็นเพียงมาร์ค  ไม่ใช่คุณต้วนอี้เอิน - บุตรชายคนโตของตระกูลคู่แข่งของคุณ












เราเจอกันโดยบังเอิญที่อิตาลีเมื่อสองปีก่อน  คุณกำลังวิ่งหนีบอดี้การ์ดตัวเองอยู่ยามที่เลี้ยวมุมมาชนผมจนล้มลง  ร่างกายของคุณทาบทับอยู่บนร่างกายของผม  ตาใสๆ แก้มยุ้ยๆ ของคุณทำให้ผมหายหงุดหงิดไปได้เล็กน้อยที่โดนคนแปลกหน้าทำให้บาดเจ็บ



“ขอโทษครับ” คุณเอ่ยด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเอเชีย  แต่คุณไม่แม้จะรอคำตอบรับ  ร่างโปร่งของคุณวิ่งแจ้นหายลับไปในแสงแดดที่แสนสดใสของเมืองฟลอเรนซ์  ผมนั่งงงอยู่ชั่วครู่จนกระทั่งเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของคุณที่ทำร่วงเอาไว้



“คุณอี้เอิน เป็นอะไรไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทที่เพิ่งกลับจากไปซื้อเครื่องดื่มอุทานเสียงดังเมื่อเห็นผมพยุงตัวขึ้นจากพื้น  ผมโบกมือเล็กน้อย  สายตายังจดจ้องอยู่ที่ภาพพักหน้าจอโทรศัพท์ที่เป็นรูปกรงนกและพิราบสีขาวที่อยู่ข้างใน  ผมมองตามวิถีที่คุณหายตัวไปอีกครั้ง  ทันเห็นชายชุดดำสามสี่คนวิ่งตามไปอยู่ไหวๆ  ไม่รู้ทำไม  แต่ลึกๆ ผมเริ่มกลัวว่าคุณจะถูกฆ่าตาย  ผมไม่ใช่คนที่จะใส่ใจเรื่องของคนแปลกหน้าหรอกนะ  แต่นัยน์ตาของคุณมันยังติดตรึงอยู่ที่ม่านตาของผม



และถ้าเป็นไปได้ผมอยากคืนโทรศัพท์เครื่องนี้ให้คุณด้วยตัวเอง



อาจเพราะอิตาลีกว้างเกินไป  และโลกก็ไม่เคยเหวี่ยงบุรุษแปลกหน้าให้โคจรมาเจอกันอีก  คุณจึงกลายเป็นเพียงความทรงจำที่ลางเลือนจนเสมือนจะไม่มีอยู่จริง 



จวบจนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปีก่อน



คุณเดินเข้ามาในร้านกาแฟเล็กๆ ที่ผมชอบหลบมาคิดงาน  คุณสั่งคาปูชิโน่เพิ่มช็อตกับพนักงานก่อนจะสอดส่ายสายตาหาที่ว่าง  โชคร้ายที่ทุกโต๊ะเต็มหมดแล้ว  แต่โชคดีที่เราได้สบตากัน  ทีแรกผมจำคุณไม่ได้หรอก  ผมสารภาพ  หน้าม้าที่เคยยาวจนเสมอคิ้วถูกเซ็ทให้เป็นทรงเท่ๆ  คุณไม่ได้สวมเพียงเสื้อยืดสีเหลืองสดและกางเกงสามส่วนสีครีมอีกแล้ว  แต่คุณสวมสูทเต็มยศ  หน้าตาก็หล่อเหลาจนพนักงานหญิงในร้านแอบอมยิ้มด้วยความขวยเขิน



ผมผายมือ  เชื้อเชิญให้คุณนั่ง  คุณทำท่าคิดเล็กน้อย  พอดีกับที่กาแฟร้อนที่คุณสั่งแบบทานในร้านพร้อมเสิร์ฟ  คุณจึงไม่เหลือทางเลือกมากนักนอกจากเดินมานั่งตรงข้ามผม



“รบกวนหน่อยนะครับ” คุณพูดกับผมด้วยภาษาเกาหลีฉบับสุภาพ



ผมยิ้มรับ  เคลียร์พื้นที่โต๊ะให้โล่งมากพอที่จะวางแก้วกาแฟหนึ่งแก้ว  ผมลอบมองเสี้ยวหน้าคุณเนิ่นนานจนกระทั่งคุณเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ  คิ้วเข้มเลิกน้อยๆ แทนคำถามว่ามีปัญหาอะไรไม่ทราบ



เราสบตากัน
ผมอมยิ้ม
และตัดสินใจถามคำถามที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างคุณกับผม 



“คุณเคยทำมือถือหายที่อิตาลีไหมครับ?”
















คุณบอกผมว่าชื่อจินยอง  ผมแนะนำตัวเองว่ามาร์ค



คุณชอบมิเกลลันเจลโล  ผมชอบดาวินชี



คุณว่าคุณสนใจงานด้านแฟชั่น  แต่บ้านของคุณประกอบธุรกิจทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่คุณชื่นชอบเลย  ผมยิ้มๆ  บอกคุณไปบ้างว่าผมอยากเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลในเอ็นบีเอ  แต่ความฝันของผมดับลงตั้งแต่ความสูงที่ไม่ถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร



คุณไม่ได้ชื่นชอบคาปูชิโน่  แต่เพราะเบื่อเอสเพรสโซ่ที่กินเป็นประจำเลยสั่งเมนูนี้  ส่วนผมน่ะไม่เคยดื่มอย่างอื่นนอกเสียจากอเมริกาโนเย็นไม่ใส่ไซรัป



คุณกับผมไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย  แต่บทสนทนาของเรากลับลื่นไหลตลอดหนึ่งชั่วโมง



ผมก้มหน้าพิมพ์ข้อความบอกให้เลขายกเลิกตารางงานเย็นนี้ทั้งหมด  ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคุณที่เพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองเช่นกัน



“ถ้าเย็นนี้คุณจินยองว่าง  ไปทานข้าวกันไหมครับ”



คำตอบของคุณคือรอยยิ้มที่ระบายกว้างทั้งในม่านตาและริมฝีปาก













เราพบกันอีกสามสี่ครั้งหลังจากนั้น  คุณยังเป็นคุณ  ผมยังเป็นผม  แต่บรรยากาศบางอย่างบ่่งบอกได้ว่าความสัมพันธ์ที่เรียกว่า ‘เรา’ กำลังถูกถักทอขึ้นเรื่อยๆ  คุณเหมือนหนังสือที่ไม่มีวันอ่านจบ  ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งได้เรียนรู้แง่มุมใหม่ๆ  ผมสนุกเสมอกับการได้รู้จักคุณเพิ่มขึ้นทุกวัน  ผมคิดว่าผมชอบคุณ - ชอบคุณมากๆ -  จนกระทั่งคุณจูบผมในค่ำคืนนั้นแทนการกล่าวราตรีสวัสดิ์  ผมถึงได้รู้ว่านอกจากชอบแล้วผมยังต้องการคุณมากไม่ต่างกัน



รถเก๋งญี่ปุ่นที่ให้ลูกน้องเช่ามาขับกลายเป็นโรงแรมชั่วคราวเมื่อขีดอารมณ์ของคุณและผมพลุ่งพล่าน  ครั้งแรกของเราเกิดขึ้นในรถยนต์ที่จอดเทียบอยู่ข้างสวนสาธารณะในเวลาตีสอง  คุณร้อนแรงจนผมเจียนบ้า  เสียงของคุณ  สายตาของคุณ  ร่างกายของคุณ  ทุกอย่างเป็นดั่งโซ่เหล็กที่ล่ามให้ผมถอนตัวไปจากคุณไม่ได้



ผมตกหลุมรักคุณ
ผมพูดได้อย่างเต็มปาก



เรากอดกันในพื้นที่แคบๆ จนกระทั่งแสงแรกของวันเริ่มเรืองรอง  คุณเป็นเหมือนฝันดีที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เจอในชีวิตนี้  เราจูบกันอีกครั้งก่อนจะโบกมือลา  แยกย้ายกลับไปยังที่ที่เราจากมา



ก่อนที่คุณจะกลายเป็นฝันร้ายเพียงชั่วข้ามคืน



“นั่นปาร์คจินยอง  ลูกชายคนเล็กของปาร์คกอนจุน” เสียงบิดาที่กระซิบอยู่ข้างๆ แทบไม่ได้ดังลอดเข้าไปในหู  ผมเหมือนคนที่สูญเสียความรู้สึกไปหมดแล้วนับตั้งแต่เห็นคุณเดินเข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับคนในตระกูลที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลของบ้านผม  คุณมองกลับมา  เราสบตากัน  สายตาของคุณเบิกกว้างไม่ต่างไปจากผม  ก่อนจะกลับมาราบเรียบเช่นผืนน้ำที่เบื้องล่างซัดสาดไปด้วยเกลียวคลื่น



เราไม่รู้  ไม่เคยรู้



“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณเป็นใคร” คุณแทบจะตะโกนใส่หน้าผมอยู่แล้วยามที่เราแอบมาเจอกันที่ห้องน้ำ  ใบหน้าของคุณบิดเบี้ยวด้วยความโกรธไม่ต่างไปจากผม



“นั่นคือคำถามของผมเหมือนกัน” 



คุณสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนหันหลังหนี  ผมเสยผมตัวเองอย่างหงุดหงิด  พยายามใจเย็น  เหลือบมองกระจกซึ่งสะท้อนภาพใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยความกังวล  ด้วยสถานะของเราในยามนี้ไม่มีทางเลยที่เราจะคบกันได้  ตัดเรื่องงี่เง่าจำพวกรักร่วมเพศออกไปเลย  แค่เป็นเพื่อนร่วมโลกยังเป็นไปได้ยากด้วยซ้ำ



“จินยอง  ผมไม่อยากเสียคุณไป” ผมเดินเข้าไปใกล้  ซบหน้าลงกับหลังพลางรั้งคุณมากอดไว้  ก่อนที่ริมฝีปากจะยกยิ้มเมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งซื้อให้จากร่างกายของคุณ



คุณยืนนิ่ง  ท่าทีหนักใจ  แม้จะลังเลแต่ก็ดูโน้มเอียงมาทางผมอยู่มาก



ผมจูบคุณที่หลังคออย่างย่ามใจ  ร่างกายของคุณขืนเกร็งขึ้นมา  ผมจูบคุณอีก  คราวที่ไล่ขึ้นตั้งแต่ต้นคอจรดติ่งหู  มือไม้ของคุณอ่อนระทวย  ไร้การต่อต้าน  จวบจนเราสองแลกเปลี่ยนเรียวลิ้นกันอย่างดูดดื่มราวกับลืมความจริงทุกอย่างนั่นแหละ   ทางออกของปัญหาก็ราวจะถูกเฉลยออกมาอย่างง่ายดาย



คุณคือไฟ
ผมคือน้ำมัน



เมื่อไฟรักของเราถูกจุดขึ้นมาแล้ว  อะไรก็แยกเราสองคนจากกันไม่ได้



ไม่มีวัน













ผมเร่งจังหวะการขยับนิ้วของตัวเองให้เร็วขึ้น  แนบกลีบปากลงบนเนินเนื้อหนั่นแน่น  ใบหน้าของคุณจมอยู่ที่หมอนใบเขื่องจนผมมองเห็นไม่ถนัด  ร่างกายของคุณทอดโค้งราวกับสายรุ้ง  เรียวขาที่รับน้ำหนักสั่นระริกทุกครั้งที่ปลายนิ้วของผมกระแทกโดนจุดกระสันที่ซ่อนลึกอยู่ภายใน



“มาร์ค” คุณคราง  ทิ้งตัวนอนหงายหายใจหอบเมื่อผมถอนนิ้วออกไปแล้วแต่ยังไม่ลงมือทำอะไรต่อสักที  ผมยกยิ้ม  เอื้อมมือไปหยิบของฝากจากญี่ปุ่นมายื่นให้คนตรงหน้า  คุณขมวดคิ้วใส่อย่างไม่เข้าใจ



“ลองช่วยตัวเองให้ดูหน่อยสิ”



“….”



“คุณเซ็กซี่ที่สุดตอนที่สัมผัสตัวเอง  รู้ตัวไหม”



คุณไม่ตอบรับ  ไม่แม้แต่จะยื่นมือมารับของฝากไปจากผม  มีเพียงสายตาขุ่นมัวที่ทอดมองมาเท่านั้น  หัวใจผมเต้นแรง  ไม่แน่ใจว่าคราวนี้ขอคุณมากเกินไปหรือเปล่า  จนกระทั่งคุณยกยิ้มที่มุมปากนั่นแหละ



“ได้  แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”



“อะไร”



คุณลุกขึ้นไปหยิบเทคไทที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมา  ผลักผมให้นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะมัดมือผมเอาไว้  สายตาของคุณพราวระยับและเจ้าเล่ห์ไม่หยอกยามเอ่ยบอกกติกา  “ในเมื่อขอให้ทำให้ดูก็มีสิทธิ์แค่ดูนะ”



ผมหลุดหัวเราะ  แต่จะยอมเล่นไปตามเกมของคุณสักตั้ง



คุณคลานกลับไปบนเตียง  ดวงตาล็อกอยู่ที่ผม  ก่อนจะค่อยๆ ลูบไล้ตัวเองไปมา  เริ่มตั้งแต่ใบหู  ริมฝีปากแดงช้ำ  คอ  ไหล่  ลำตัว  ไปจนสัดส่วนอ่อนไหวที่เริ่มเปียกชื้น  คุณอ้าปากหายใจหอบ  ส่งเสียงครวญครางที่คุณบอกว่าน่าอายแต่กลับเร้าอารมณ์คนฟังอย่างเหลือเชื่อออกมาไม่หยุดปาก  หัวใจของผมเต้นแรงยามที่คุณค่อยๆ สอดใส่ของเล่นเข้าไปในช่องทางของคุณ  ใบหน้าของคุณบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน  คุณเรียกชื่อผมซ้ำๆ จนกระทั่งมันสอดเข้าไปได้หมด  คุณเริ่มขยับตัว  นัยน์ตาปรือปรอยมองผมอย่างเชื้อเชิญ  ริมฝีปากอิ่มถูกขบกัดด้วยฟันขาว  ลมหายใจของคุณถี่กระชั้นทุกครั้งที่ยกตัวขึ้นลง



คุณกำลังทำให้ผมเป็นบ้า
ปาร์คจินยองตอนสัมผัสตัวเองคือสุดยอดของความน่าคลั่งไคล้



ผมเริ่มดิ้นเพื่อให้หลุดพันธนาการ  ยิ่งคุณร้องดังมากขึ้นเท่าไรหัวใจผมก็แทบวายมากขึ้นเท่านั้น  จนกระทั่งความพยายามสัมฤทธิ์ผล  ผมผลักคุณให้นอนราบ  ดึงของเทียมที่ไร้ชีวิตออกก่อนจะแทรกของจริงที่สั่นระริกเข้าไปแทน  คุณหวีดยาว  อ้าปากค้างเพราะจังหวะเกมที่เปลี่ยนเร็วเกินไป



“อ้าขากว้างๆ จะได้ไม่เจ็บ” ผมบอก  คุณพยักหน้า  พยายามทำตามแม้ว่ามันจะน่าอาย  ผมสอดแขนเข้าไปใต้ขาของคุณแล้วค่อยๆ ขยับตัว  ร่างกายของเราสั่นคลอน  คุณบีบรัดผมแน่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ  จังหวะลมหายใจของเราสอดประสาน 



ผมค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนอนราบลงกับเตียง  ไม่ต้องบอกให้มากความคุณก็รู้ว่าผมต้องการอะไร  เราจูบกันอีกครั้งก่อนที่คุณจะปีนขึ้นไปนั่งบนร่างกายผม  วินาทีที่คุณกลืนกินผมเข้าไปคือวินาทีที่วิเศษที่สุด  คุณขยับตัวขึ้นลงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมตามร่างกายจนเปียกลื่น  สัมผัสเฉอะแฉะฟังดูหยาบโลนยามที่เนื้อกระทบกัน  แต่ผมกลับชอบมันมากกว่าซิมโฟนีหมายเลขห้าที่คุณโปรดปรานเสียอีก 



“จินยอง  จินยอง  อ่า...” ผมครวญคร่ำแต่ชื่อคุณ  เรากกกอดกันและกันยามแทรกตัวเข้าไปจนลึก  คุณทิ้งรอยฟันเอาไว้บนไหล่ของผมเพื่อระบายความอัดอั้นในอก  กลีบปากอิ่มตึงช้ำยังคงส่งเสียงหวานหูไม่หยุด



“มาร์ค  อีก.. อ๊ะ..มาร์ค”



ผมไม่รู้ว่าคุณเรียกร้องอะไร



ลึกอีก แรงอีก หรือเร็วอีก 



แต่ผมก็สนองให้คุณทั้งหมด



จนกระทั่งช่วงเวลาที่เราหลอมรวมเป็นหนึ่ง  คุณปลดปล่อยออกมาก่อน  ผมรีบเร่งจังหวะกระแทกกระทั้นจนสองเสียงผสานไม่เป็นภาษา  จากนั้นจึงตามคุณไปติดๆ



เราหายใจหอบ  ทิ้งตัวลงนอนข้างกันอย่างหมดแรง  เกมรักของเราร้อนแรงเสมอ



“เหลือเวลาเท่าไหร่”



คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา  “อีกยี่สิบนาที”



ผมลุกขึ้นนั่ง  แม้จะยังเหนื่อยอยู่แต่เป้าหมายที่ตั้งไว้ยังไม่ลุล่วง  ผมพรมจูบไปบนข้อเท้าของคุณ  ไล่มาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงต้นขา  คุณนอนมองทุกการปรนนิบัติจากผมด้วยแววตาขบขันระคนเอ็นดู  ผมบอกคุณไปแล้วว่าผมไม่เคยทำให้ใครมากขนาดนี้  คุณเป็นคนแรก  และอาจจะเป็นคนเดียวที่ได้อภิสิทธิ์มากขนาดนี้  ไม่ใช่เพราะคนเกิดในตระกูลที่พรั่งพร้อมไปด้วยอำนาจและทรัพย์สิน  ไม่ใช่เพราะคุณคือคนสำคัญของวงการ



แต่เพราะคุณคือปาร์คจินยอง
ผู้ชายที่ผมยอมศิโรราบให้จนหมดหัวใจ














ผมเดินเข้ามาในงานเลี้ยงในอีกสามชั่วโมงต่อมา  ข้างกายซ้ายขวาเต็มไปด้วยบอดี้การ์ดประจำตัว  เป็นครั้งแรกที่คุณชายต้วนมาออกงานแทนบิดาของตน  ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งจนไม่มีใครเดาออกว่าภายใต้หน้ากากนี้ซ่อนความรู้สึกอะไรไว้



“ขอบคุณที่มานะคะคุณมาร์ค” หญิงสาวเจ้าของงานยิ้มกว้างส่งมาให้  ผมรู้จักเธอมาก่อนในฐานะคู่ดูตัวเมื่อหลายปีก่อน  แต่เราเข้ากันไม่ได้ต่างคนก็เลยต่างไป  จนกระทั่งเธอเจอคนที่พร้อมจะลงเอยด้วยในที่สุด  “ขอบคุณที่มานะฮเยจิน”



ภรรยาของผมยิ้มให้อย่างมีจริต  เธอกล่าวอวยพรแด่คู่บ่าวสาวก่อนจะสวมกอดเจ้าหญิงของค่ำคืนนี้อย่างแนบแน่นตามประสาคนเป็นเพื่อนกัน



ผมยิ้มก่อนจะเสตาไปมองเจ้าบ่าวรูปหล่อที่ยืนอยู่ข้างกัน  “ยินดีด้วยนะครับ”



“ขอบคุณตระกูลต้วนที่ให้เกียรติมางานแต่งของเรานะครับ”



“แน่นอนสิครับ  ผมจะไม่มาได้ยังไง”



หญิงสาวยิ้มกว้างพลางซบหน้าลงกับท่อนแขนของว่าที่สามี  “นี่มาร์คไม่เคยเจอแฟนเรามาก่อนใช่ไหม”



ผมยิ้ม  พร้อมกับยื่นมือออกไปรอรับสัมผัส  “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”



ฝ่ามือของเจ้าบ่าวยื่นมาสัมผัสกับผม



ผมเงยหน้า  นัยน์ตาพราวระยับและเต็มไปด้วยนัยยะซ่อนเร้น



“ยินดีเช่นกันครับ”



คุณยิ้ม
ยิ้มซึ่งมีผมเพียงคนเดียวในโลกที่ได้รับ






END







Let's TALK!

ทดลองเป็นมาร์คต้วนกันเถอะ  อิอิ  คุยกันใน #ฟิคอลจ ค่าาาา~


อลจ.
151206

No comments:

Post a Comment